และก่อนชายคนดังกล่าวจะก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายโดยการชกใบหน้า 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 67 เวลา 18.30 น. โดยชายคนดังกล่าวได้เข้ามาถามกับ น.ส.ทัศนีย์ เกี่ยวกับแฟนเก่าของชายดังกล่าว และมีอาการมึนเมา จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เหตุเกิดภานในซอยผู้ใหญ่นวย ถนนปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้แจ้งความไว้ที่ สภ.กะรน แต่ไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดวันที่ 12 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงไปที่เกิดเหตุ พบกับ น.ส.ทัศนีย์ อุดมเดช ผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ชาวต่างชาติซึ่งเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสาวที่ได้เลิกรากันแล้วได้มาถามหาเพื่อนของตน เพื่อจะขอให้เพื่อนคืนดีและกลับอยู่กับเขาเหมือนเดิม แต่ตนกลัวเพื่อนจะได้รับอันตรายจึงพยายามช่วยเพื่อน แล้วตนบอกว่าไม่อยู่แต่ ชายคนดังกล่าวไม่เชื่อ เลยมีการทะเลาะกัน
หลังจากนั้นช่วงเย็นวันที่ 10 ส.ค. ชายคนดังกล่าวมาอีกและเดินไปที่หอพักแล้วไปทุบประตูห้องตนแต่ไม่มีใครอยู่ ซึ่งขณะนั้นตนนั่งกินข้าวอยู่ในร้านข้าง ๆ หอพัก ชายคนนั้นก็เดินกลับมาเห็นตนนั่งกินข้าวอยู่ ถามว่าเพื่อนตนอยู่ไหน ตนบอกว่าไม่รู้ เขาก็พูดในทำนองว่าจ่ายคุณเท่าไหร่เพื่อไปกับเขา แต่ตอนนั้นตนไม่เข้าใจตนคิดว่าเขาจะจ่ายค่าข้าวให้ก็เลยบอกไปว่าตนมีเงินจ่าย ตนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะจ่ายค่าข้าว แล้วหลังจากนั้นชายคนดังกล่าว ก็เอาหน้ามาประชิดแล้วใช้มือชกไปตรงที่หน้าด้านขวาของตน 1 ครั้งตนก็สู้โดยปาจานข้าว แล้วพนักงานในร้านก็มาช่วย หลังจากนั้นเขาก็กลับไป แล้วตนก็ไปแจ้งความตำรวจลงบันทึกประจำวัน
และเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ตนได้โทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เรื่องของตนเป็นเรื่องเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ยังมีเคสอื่นที่หนักกว่าของตน ตนจึงไม่เข้าใจว่าต้องให้ตนเป็นอะไรมากกว่านี้หรือ ตำรวจถึงจะจัดการให้ ตนจึงไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวลงไป เพื่อจะถามว่าในเคสแบบนี้ตนควรทำอย่างไร ตนยอมไม่ได้ที่จะให้ชาวต่างชาติมาทำร้ายคนไทยในแผ่นดินไทย ส่วนตัวตนอยากให้ ฝรั่งรายดังกล่าว มาขอโทษ และไกล่เกลี่ย และไม่อยากให้ฝรั่ง รายดังกล่าวมายุ่งกับตนและเพื่อนอีก
สอบถามคุณโบที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า วันนั้นตนเห็นฝรั่งเดินไปที่หอพักของน้องที่โดน นทท.ต่อย หลังจากนั้นเขาเดินกลับมาแล้วเห็นน้องผู้เสียหายนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วเขาก็เดินเข้ามาหาน้องเขาแล้วเอาหน้ามาประชิดกับน้องเขา จากนั้นก็ต่อยน้องเขาอีกครั้งหนึ่ง ตนและพนักงานในร้านก็มาช่วยห้าม จากนั้นเขาก็เดินกลับไปแต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเดินไปมาบริเวณนี้อยู่