สาวแค้นครอบครัวอดีตแฟน ทำแท้งห่อใส่กระเป๋าวางหน้าบ้าน ส่งภาพให้ทางแชท

ภูเก็ต – เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเจ้าของบ้านชาวราไวย์เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม กรณีมีศพเด็กทารกในถุงน้ำคร่ำที่ถูกห่อไว้ในผ้าและนำใส่ถุงมาวางไว้หน้าบ้าน เจ้าของบ้านยืนยันผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นหญิงสาวอดีตแฟนของลูกชายตน ที่อาจเกิดความแค้นที่ตนกีดกันความรักของทั้งคู่ เบื้องต้นสาวผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธ ก่อนจะยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภายหลังว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุจริง และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มกราคม 2563, เวลา 16:18 น.

ภาพ สภ.ฉลอง

ภาพ สภ.ฉลอง

เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (15 ม.ค.) ร.ต.อ.จรัส เหล็มปาน พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เจ้าของคดี ได้เรียกนางจารุณี ช่างเหล็ก อายุ 41 ปี เจ้าของบ้านมาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงเรื่องราว ที่มีคนนำศพทารกมาทิ้งไว้หน้าบ้านเลขที่ 54/8 หมู่ 6 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต (อ่านเพิ่มเติม คลิก) เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีและสืบหาตัวแม่ของเด็กต่อไป
นางจารุณี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “เมื่อทราบว่าในกระเป๋าที่วางไว้หน้าบ้านคือศพเด็กทารก ที่มีคนทำแท้งแล้วนำมาวางไว้รู้สึกตกใจมาก เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่ร้ายแรงขนาดนี้ ช็อกมากทำอะไรไม่ถูก”

เธออธิบายต่อไปอีกว่า ในตอนเที่ยงของวันเดียวกันได้ทราบข่าวจากน้องสาวว่า ศพเด็กหน้าบ้านน่าจะเป็นลูกของแอน(นามสมมติ) อดีตแฟนของลูกชายที่เป็นพลทหารอยู่ที่จังหวัดกระบี่ เพราะก่อนเกิดเหตุหญิงสาวได้ส่งรูปทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำ ห่อด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวกับที่เจอหน้าบ้านมาให้น้องสาวซึ่งเป็นเพื่อนกันดู ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ม.ค. (ประมาณ 15.30 น.) ตอนนั้นน้องสาวคิดว่าเป็นรูปทางอินเตอร์เน็ต และคงไม่กล้าทำแท้งแน่นอน แต่เมื่อมาเห็นถุงและผ้าขนหนูที่รองทารกไว้ จึงมั่นใจว่าคนที่นำเด็กมาวางที่หน้าบ้านคือแอน

นางจารุณี เล่าอีกว่า แอนเป็นเพื่อนกับน้องสาวของตนและได้มาเที่ยวที่บ้าน จากนั้นได้รู้จักสนิทและมาชอบพอกับลูกชายคนโต ซึ่งลูกชายคนโตมีลูกมีภรรยาแล้ว เมื่อเห็นแอนมานอนที่บ้านก็บอกว่าอย่าทำตัวแบบนี้ จากนั้นเขาก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากบ้าน มาทราบอีกทีว่าเขามารักกับลูกชายของตนอีกคน ขณะนี้เป็นพลทหารอยู่ที่จังหวัดกระบี่ คบกันได้ประมาณ 4 เดือนเศษก็เริ่มห่างกันไป และทราบว่าไม่ได้รพูดคุยกันประมาณ 2 เดือนแล้ว

“ส่วนเรื่องน้องแอนตั้งครรภ์นั้นไม่ทราบเลย มาทราบอีกทีก็วันนี้ วันที่มีการนำเด็กทารกจากการทำแท้งมาวางไว้ที่หน้าบ้าน หนึ่งวันก่อนหน้านั้นทราบมาว่าน้องแอนได้ส่งรูปเด็กทารกที่อยู่ในน้ำคร่ำมาให้น้องสาวของดูทางไลน์ และเขียนข้อความว่า “เอาหลานของมึงไปฝังด้วย” ตอนแรกที่น้องสาวเห็นคิดว่าเป็นภาพจากทางอินเตอร์เน็ต คิดว่าน้องแอนส่งภาพมาขู่ เมื่อรู้ว่าเป็นภาพจริงและเป็นภาพเดียวกับเด็กทารกที่ทิ้งหน้าบ้าน ทำให้ช็อกและตกใจกลัว สงสารเด็ก ไม่มั่นใจว่าเป็นหลานของตัวเอง เพราะไม่ได้รับรู้ในเรื่องนี้มาก่อน เขาเคยขอเงินไปทางลูกชายที่เป็นพลทหาร แต่ลูกชายไม่มีเงินให้ ไม่น่าทำเด็กไม่รู้เรื่อง น้องแอนรู้เรื่องดีว่าเป็นลูกใคร คนในครอบครัวเคยมีปัญหาทะเลาะกันในเฟซบุ๊กกับลูกสะใภ้ ถึงเรื่องที่น้องแอนโทรมาหาลูกชายคนโตบ่อยมาก ซึ่งในระหว่างที่เขาโทรหาลูกชายคตนโต อยู่นั้น เค้าก็ยังคบอยู่กับลูกชายที่เป็นพลทหารอยู่ จึงมีการโพสต์ด่ากันบนเฟซบุ๊ก”

ทางครอบครัวเปิดเผยบทสนทนาบนเฟซบุ๊ก ระหว่างน้องสาวของนางจารุณีกับแอนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ให้ผู้สื่อข่าวได้ทราบมีข้อความว่า “มารับศพหลานมึงด้วย” จากนั้นน้องสาวนางจารุณีได้มีการโทรไปคุยใช้เวลาคุย 24 นาที จากนั้น 15.34 น. แอนได้ส่งภาพทารกในถุงน้ำคร่ำวางอยู่บนผ้าขนหนูสีขาวเปื้อนเลือดส่งมาให้น้องสาวนางจารุณี พร้อมทั้งได้ตรวจสอบบทสนทนาของทั้งคู่เมื่อวันที่ 9 ม.ค.เพิ่มเติมว่า ทราบว่าน้องสาวของนางจารุณีกล่าวว่า รอให้เด็กออกมาก่อน หากเป็นลูกของคนในบ้านก็ให้เอามาวางไว้ให้เลย จากนั้นแอนได้ตอบในทำนองที่ว่า เอาออกมาแน่แต่หากออกมาแบบไม่มีลมหายใจอย่าหาว่าใจร้ายก็แล้วกัน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามแอนถึงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมและให้พื้นที่ข่าวกับเธอ โดยเธอยอมรับว่าได้คบกับลูกชายของนางจารุณีจริง แต่ตอนนี้เลิกกันและไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ต่างคนต่างมีคนรักใหม่แล้ว ไม่ได้พูดคุยกันเลย พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำเด็กไปทิ้งไว้หน้าบ้าน

“หนูจะทำแบบนั้นไปทำไมที่สำคัญหนูก็ไม่ได้ท้องด้วย คนจะพูดเขาพูดได้ทั้งนั้นแหละพี่ เขาเกลียดหนูเขาก็เลยใส่ร้ายหนู” เธอกล่าว พร้อมทั้งยอมรับว่าเธอเองมีลูกแล้ว 3 คน และปฏิเสธที่จะตอบคำถามในประเด็นที่มีความแค้นกับครอบครัวของทางอดีตแฟน เพราะถูกกีดกันไม่ให้คบกับอดีตแฟน จากนั้นเธอก็ได้กล่าวคำขอบคุณผู้สื่อข่าว ที่โทรมาหาและให้พื้นที่ในการชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนขออนุญาตตัดสายสนทนากับผู้สื่อข่าวไป
ต่อมาในช่วงค่ำของวันเดียวกัน (15 ม.ค.) แอนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน และให้การว่าตนได้ทำแท้งจริง แต่ไม่มีเจตนาที่จะนำศพลูกไปประจานหน้าบ้านอดีตแฟนเก่า เพียงแต่ต้องการให้ญาติอดีตแฟนนำไปฝังตามศาสนาอิสลามเท่านั้น เพราะเชื่อว่าเด็กที่ถูกทำแท้งนั้นคือหลานของบ้านดังกล่าวแน่นอน

แอนเล่าว่าเธอได้สั่งซื้อยาทำแท้งมาจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. เวลาประมาณ 22.00 น.เศษก็ได้กินยา เข้าไป จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเด็กก็หลุดออกมา และได้เก็บห่อไว้ในผ้าขนหนูโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะไม่ได้เอาออกมาจากน้ำถุงน้ำคร่ำ จากนั้นก็พูดกับลูกตลอดเวลาถึงสาเหตุที่ต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ก่อนที่จะส่งภาพลูกไปให้พี่ชายและน้าของอดีตแฟนรับทราบ เพื่อให้นำไปประกอบพิธี จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.เศษวันที่ 14 เธอก็ได้นำลูกห่อด้วยผ้าขนหนูใส่ถุงพลาสติกสีชมพูและใว้ในกระเป๋าสีดำ นำไปวางไว้ที่หน้าบ้านดังกล่าว

เธออธิบายเพิ่มเติมว่า “สาเหตุที่ตัดสินใจทำแท้ง เนื่องจากครอบครัวของฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ แถมยังพูดว่าเด็กในท้องไม่ใช่หลาน ขอยืนยันว่าลูกในท้องคือลูกของหนูและอดีตแฟนบ้านที่นำเด็กไปวางไว้แน่นอน ซึ่งในระหว่างที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยคิดนอกใจหรือไปยุ่งเกี่ยวชายอื่น เมื่อเขาไม่รับผิดชอบก็ไม่อยากให้เด็กเกิดมามีปมด้อย ไม่อยากให้เด็กมีปัญหา จึงตัดสินใจทำแท้ง”

“เมื่อทำไปแล้วรู้สึกเสียใจมาก จิตใจตอนนี้ย่ำแย่ พูดอะไรไม่ถูก ยิ่งมารู้ว่าเด็กที่ทำแท้งเป็นเด็กผู้หญิง ยิ่งทำให้เสียใจมากขึ้นไปอีก เพราะ 3 คนที่ผ่านมาเป็นลูกชายทั้งหมด ฝันอยากได้ลูกหญิงสักคน แต่ก็เกิดปัญหาอดีตแฟนไม่รับผิดชอบ ขอยืนยันว่ารักอดีตแฟนคนนี้จริง แต่ทำไมเขาไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำลงไป เพราะนี่คือสายเลือดของเขาเหมือนกัน”

ทางด้าน ร.ต.อ.จรัส กล่าวว่า สำหรับแม่ของเด็ก (อายุ 32) คนโตเรียนอยู่ชั้น ม.3 ส่วนคนเล็กยังอยู่ชั้นอนุบาล ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจากการทำแท้ง และยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากหายดีแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่