พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้รับแจ้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบ จนทราบว่าผู้ที่ขโมยรถนำไปปล่อยเช่าคือ นางสาวรุ่งทิวา คุ้มมิตร อายุ 38 ปี ที่อยู่ 73/90 ม.3 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้คือ ออกอุบายโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กว่ามีรถยนต์เก๋ง สำหรับปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งต่อมานางสาวเซี่ยวเซี่ยน เจิน สัญชาติจีน (ผู้เสียหาย) ได้พบข้อความดังกล่าวจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ต้องหา จากนั้นวันที่ 23 ก.ย. 62 น.ส.รุ่งทิวา ได้นำรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์ ทะเบียน ขข-5673 ภูเก็ต ที่ทำสัญญาเช่ามาจากบุคคลอื่นมาให้ผู้เสียหายเช่าในราคาถูก ทำสัญญาเช่ากำหนด 1 ปี คิดเป็นเงิน 65,000 บาท ซึ่งหากคิดรายเดือนจะตกเดือนละ 5,400 บาท โดยปกติราคาเช่ารถยนต์เทั่วไปจะอยู่ที่เดือนละ 15,000 บาท จากนั้นผู้ต้องหาได้มอบรถยนต์ให้น.ส.เซี่ยวเซี้ยนในวันเดียวกัน
ต่อมาในวันที่ 17 ม.ค. 63 เวลาประมาณ 17.00 น. ภายหลังจากผู้เสียหายใช้รถยนต์ที่เช่ากับผู้ต้องหาได้ประมาณ 4 เดือน ผู้ต้องหาได้มาขโมยรถยนต์ไปจากผู้เสียหาย เพื่อนำไปปล่อยเช่ากับบุคคลอื่น ซึ่งภายในรถยนต์ของผู้เสียหายมีทรัพย์สินรวม 6 รายการ คิดเป็นเงิน 108,500บาท จึงเข้าแจ้งความที่สภ.วิชิต
หลังสอบปากคำผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ได้เรียก น.ส.รุ่งทิวาเข้ามาพบ พ.ต.ท.ณรงค์ เมืองด้วง สารวัตร(สอบสวน) สภ.วิชิต พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ของผู้อื่น และฉ้อโกง ตามคดีอาญาที่ 65/2563 ลงวันที่ 21 ม.ค. 63 ซึ่งน.ส.รุ่งทิวารับทราบข้อกล่าวหา และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผกก.สภ.วิชิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) สภ.วิชิต ได้รับแจ้งจากชาวจีนกว่า 10 ราย ว่า รถยนต์ที่เช่ามาได้หายไป จากนั้นตรวจสอบพบว่ารถที่หายทั้งหมดเช่ามาจากน.ส.รุ่งทิวา โดยน.ส.รุ่งทิวา ได้เช่ามาจากผู้ประกอบการรถเช่าทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ตประมาณ 30 คัน มาปล่อยเช่าให้แก่นักท่องเที่ยว โดยผู้ต้องหาเช่ามาในราคาถูกในราคาเดือนละ 13,000 บาท และปล่อยให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเช่ารายปีปีละ 65,000 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวมองว่าราคาที่ปล่อยรายปีราคานี้ถูกมาก ทำให้จ่ายเงินในราคา 65,000 บาท ไปเกือบ 20 กว่าราย ซึ่งภายหลังจากที่ปล่อยให้เช่าได้เพียง 4-5 เดือน น.ส.รุ่งทิวาก็จะนำกุญแจสำรอง ไปไขเพื่อขโมยรถกลับมา แล้วนำไปปล่อยให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย-เยอรมัน ต่อหมุนเวียนอีกทอดหนึ่ง
“เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สร้างความเสียหายโดยภาพรวมของเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต อยากให้กลุ่มคนที่คิดจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่จังหวัดภูเก็ตในทุกรูปแบจงหยุดพฤติกรรมเสีย เพราะท่านทำอะไรลงไปไม่ใช่กระทบต่อคุณที่ต้องถูกจับติดคุก แต่กระทบต่อภาพรวมของจังหวัดภูเก็ตโดยตรง ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวจะปล่อยให้คนแบบนี้มาทำกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภูเก็ตไม่ได้” พ.ต.อ.สุจินต์ กล่าว
