สไปซ์ ยานรกเปลี่ยนคนให้เป็นซอมบี้ มหันตภัยร้ายในรูปแบบยาเสพติดที่รุนแรงกว่าที่เคยมีมา

ในปีที่ผ่านมาข่าวการใช้ยาเสพติดสังเคราะห์แนวใหม่อย่าง สไปซ์ หรือจะเรียกให้เห็นภาพว่า “ยาซอมบี้” ได้กลายเป็นข่าวดังอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเดือนเมษายนที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานภัยร้ายของยาเสพติดชนิดนี้ โดยเผยให้เห็นภาพชายชาวอังกฤษในเมืองแมนเชสเตอร์ในสภาพที่กำลังมึนเมาสไปซ์ จนมีอาการคล้ายกับซอมบี้

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันอาทิตย์ ที่ 2 กันยายน 2561, เวลา 09:00 น.

และเจ้ายาเสพติดตัวนี้ก็ถูกพูดถึงอีกครั้งในช่วงปลายปี เมื่อสมาชิกในโลกออนไลน์ได้แชร์คลิปสุดสะพรึงที่เกิดในประเทศบราซิล ปรากฏเป็นชายท่าทางเหมือนซอมบี้ มีท่าทางเหมือนสติหลุดลอย เดินเซไปบนถนนเหมือนคนเมา ทำร้ายตัวเองด้วยการเอาหัวชนกระจกรถบัส โดยไม่มีท่าทีเจ็บปวดใด ๆ และอีกคลิปที่ปรากฏเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ มีอาการท่าทางและอาการเหมือนประสาทหลอน ซึ่งดูแล้วมีลักษณะตรงกับซอมบี้ในภาพยนตร์หลายเรื่องที่เราเคยเห็นกันมา

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวมิเรอร์ก็ได้เผยแพร่เรื่องราวนี้อีกครั้ง ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายของผู้ที่เคยใช้ยานี้ ที่กำลังระบาดในประเทศอังกฤษ และสามารถหาซื้อได้ในราคาย่อมเยาว์ สนนราคาเพียงแพคละ 5 ปอนด์ หรือประมาณแค่ 200 บาทต้น ๆ ผู้ที่ใช้ยานี้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เมื่อไหร่ที่คุณใช้มัน ชีวิตคุณจบสิ้น” เพราะเมื่อคุณใช้มันแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ “หมดตัว ไร้บ้าน ติดอยู่ในวงจรอุบาทว์ของยาเสพติด ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้” ผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่าหัวใจเขาเต้นแรงมาก ๆ เหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก

ชาวอังกฤษจะเรียกเจ้ายานรกสไปซ์นี้กันทั่วไปว่า “ยาซอมบี้” และยังเป็นที่รู้จักกันในหลากหลายนาม เช่น K2 ฟลัคกา กัญชาสังเคราะห์ บลิส หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย และมันก็ยากที่จะรู้ว่า เจ้าสไปซ์นี้มีส่วนผสมของอะไรกันบ้าง เพราะเจ้าสไปซ์มันไม่ใช่กัญชาสังเคราะห์หรือกัญชาปลอมแต่อย่างใด เพราะมันคือการรวมเอาสารเคมีชนิดต่าง ๆ พ่นลงบนใบไม้ ใบหญ้าให้คนที่เสพได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้กัญชาอยู่นั่นเอง แต่คุณจะไม่มีวันได้รู้เลยว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น คุณถือห่อบรรจุภัณฑ์ของเจ้าตัวนี้ไว้ในมือจำนวน 2 ห่อ และเห็นกับตาว่าสีสันของทั้ง 2 ถุงเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แต่ส่วนประกอบข้างในอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้

ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวง และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดมีประชากรมากที่สุดของเวลส์ ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้า เป็นที่ตั้งของสถาบันวัฒนธรรมและกีฬาแห่งชาติมากมายแทบจะทุกสถาบัน ก็ได้มีการพบเห็นกลุ่มผู้ใช้ยามีอาการ “แข็งทื่อ” ในพื้นที่สาธารณะก่อนจะหมดสติไป

หญิงสาวผู้ใช้ยารายหนึ่งกล่าวว่า “เอาจริง ๆ แล้วคุณไม่รู้เลยว่า คุณกำลังเสพอะไรอยู่ เมื่อคุณเสพมันเข้าไป สติของคุณจะหลุดไปเลย และหลายครั้งฉันเองมีความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าคุณจะไม่รู้สึกตัวเลย รุนแรงกว่าเฮโรอีนเสียอีก อย่างน้อยก็ 20 นาที”

“พอรู้ตัวอีกทีคุณจะลืมทุกอย่างไปหมด และคุณก็จะกลับมาใช้มันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ขอบอกไว้เลยว่า อย่าลอง! มันคือยาเสพติดที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา” เธอกล่าว

ผู้ใช้อีกรายในคาร์ดิฟฟ์กล่าวว่า เธอหยุดใช้สไปซ์มาว่า 6 วันแล้ว โดยเธอเคยใช้มันมากว่าปีครึ่งก่อนที่เจ้ายานี้จะถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เธอได้เล่าถึงประสบการณ์ตรงของเธอว่ามันมีผลกระทบต่อชีวิตเธออย่างไรบ้าง
“มันทำให้ฉันเป็นโรคจิตหวาดระแวงรุนแรง” เธอ กล่าว

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองโมโหง่ายมาก ปกติแล้วฉันไม่ใช่คนขี้โมโหเลย สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมันไม่ใช่ในแบบใช้ความรุนแรงแต่มันทำให้ฉันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที มันส่งผลเหมือนกับเฮโรอีน เมื่อคุณพยายามที่จะหยุดใช้มัน ความอยากยาจะถูกกระตุ้นด้วยจิตใจที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของยาเสพติด”

“คุณจะมองเห็นในสิ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริง ๆ คุณจะได้ยินเสียงผู้คนคุยกันแม้ว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น และคุณก็จะวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา บางครั้งฉันปรักปรำเพื่อน ๆ ว่าพวกเขาขโมยของของฉันทั้งที่เขาเหล่านั้นไม่ได้ทำ” เธอ กล่าว
ลิซ่าหนึ่งในผู้ใช้เฮโรอีนไร้บ้าน เล่าว่าในสวานซีการใช้สไปซ์แพร่ระบาดอย่างหนัก และเธอเองก็ได้ลองมันแล้ว 1 ครั้ง “มันน่ากลัวมาก เป็นยาที่อันตราย เลวร้ายกว่าเฮโรอีนเสียอีก”

แบร์รี่ ชายอายุ 34 ปี เป็นอีกคนที่ติดเฮโรอีนกล่าวว่า เขาเคยลองสไปซ์มา 2 ครั้ง ตอนอยู่ใคุก “คุณจะบ้าไปเลย และถ้าคุณอยู่ในจุดที่เรียกว่าซอมบี้แล้วล่ะก็ คุณจะเห็นนะว่ารอบตัวคุณเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่คุณจะขยับร่างกายไม่ได้เลย” เขากล่าว

หญิงอีกคนเล่าว่า “สังคมโยนความผิดให้พวกเรา แต่คุณเชื่อไหมว่า คนที่ขายยาให้เราและพาเราไปสู่ยา นรกพวกนี้คือคนในสังคมที่ไม่ได้เป็นกลุ่มคนไร้บ้านอย่างพวกเราด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากจะสูบเจ้ายานี้อีกแล้ว เพราะกว่าที่คุณจะสร่างได้คุณต้องใช้ยานอนหลับและยากล่อมประสาทเข้าช่วย”

ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้สไปซ์อีกรายก็มีคำเตือนกับผู้ที่กำลังคิดจะลองว่า “อยู่ให้ไกลจากมันเท่าที่คุณจะทำได้ คุณอาจจะคิดว่ามันสนุก ผมลองสูบเข้าไปแค่สองครั้งและต้องตื่นมาในโรงพยาบาล ไม่ควรมีมนุษย์คนใดในโลกใช้เจ้ายานี้เด็ดขาด ผมจะไม่กลับไปใช้มันอีกแล้ว ผมเห็นเพื่อนหลายคนที่ใช้ยานี้ตายต่อหน้าต่อตา”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเซาธ์เวลส์ กล่าวว่า สไปซ์เป็นยาที่อันตรายและยากที่จะคาดเดาได้ แต่จำนวนของคนที่ใช้ก็ยังไม่ถือว่า “มาก” ในขณะที่นักสืบไซม่อน เดวีส์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราได้รับรายงานเรื่องนี้แทบจะทุกวัน หลายครั้งที่พวกเขาจะใช้ความรุนแรง และมีพฤติกรรมต่อต้านสังคมในแบบต่าง ๆ บางครั้งก็อยู่ในขั้นโคม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วงมากในตอนนี้”

สำหรับการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของคาร์ดิฟฟ์ หน่วยงานควบคุมยาเสพติด และองค์กรช่วยเหลือคนไร้บ้าน ซึ่งแทนที่จะจับกุมคนเหล่านั้น พวกเขาเลือกที่จะนำตัวไปยังสถานที่พักพิง เพื่อเป็นการป้องกันความรุนแรงที่อาจตามมาในภายหลัง และเพื่อไม่ให้มีใครต้องเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการระบาดของเจ้ายาซอมบี้ในประเทศไทย ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เว็บไซต์ fm91bkk.com รายงานว่า ตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ออกมายืนยันว่ายังไม่พบยาชนิดนี้ในประเทศไทย ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเตือนให้เฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นภัยคุกคามระดับสูง สามารถติดได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เสพ

พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังตำรวจสกัดกั้นยาเสพติดทั่วประเทศให้เฝ้าระวังยาเสพติดชนิดใหม่ ที่เรียกว่า ฟลัคกา ยาซอมบี้นี้แล้ว พร้อมระบุว่าได้รับข้อมูลจากการประชุมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา หรือ DEA ว่าในทวีปอเมริกา มีการแพร่ระบาดยาเสพติดชนิดดังกล่าว ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี รุนแรงมากกว่า ยาบ้า หรือ ไอซ์ หลายเท่าตัว โดยจะออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ส่งผลให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ คิดว่าตัวเองมีพลังวิเศษ และมีพฤติกรรมรุนแรง ในสหรัฐฯ จึงประกาศเป็นภัยคุกคามของประเทศ

“ยาเสพติดชนิดนี้ เพียงแค่สัมผัสโดยตรงก็จะซึมเข้าสู่ผิวหนังกระแสเลือด ทำให้ได้รับยาเกินขนาด และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ซึ่งในสหรัฐ พบว่ามีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 1 คน จึงเร่งเตือนเจ้าหน้าที่ในประเทศไทยห้ามสัมผัสยาเสพติดทุกชนิดโดยตรงเด็ดขาด ให้สัมผัสผ่านถุงมือยางเท่านั้น”

“ขอเตือนอย่าคิดทดลอง เด็ดขาด เป็นการฆ่าตัวตายโดยตรง” พล.ต.ต.ทนัย กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่