กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (20 ม.ค.) นายอิษฎา อิศราวัฒน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248/16 หมู่ที่ 5 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หอบเอกสารหลักฐานใบแจ้งความและรูปถ่ายบุคคล ที่ตนเชื่อว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าตน พร้อมรูปถ่ายมือปืนและคนขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืนในวันเกิดเหตุมาให้ผู้สื่อข่าวดู
ก่อนจะเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยความน้อยใจว่า ตนมีอาชีพขับรถตู้ร่วมให้บริการในบริษัทรถตู้แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ก่อนวันเกิดเหตุตนได้มีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานซึ่งขับรถตู้เช่นเดียวกัน โดยตนรับงานจากบริษัทรถตู้แล้วไม่สามารถนำส่งลูกค้าขึ้นรถตู้ได้ตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าได้ จึงถูกบริษัทลงโทษให้หยุดวิ่งรถตู้เป็นจำนวน 5 วัน และตนได้ชดเชยเงิน 1,950 บาทให้กับลูกค้าเป็นค่าจ้างรถในวันนั้นไป ตนคิดว่าเรื่องทุกอย่างคงจบแล้ว
วันต่อมา นายวิโรจน์ ทองหล่อ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ขับรถตู้ด้วยกัน ได้นำเรื่องราวของตนทั้งหมดไปลงโพสต์ในไลน์กลุ่มรถตู้ของบริษัท จึงทำให้ตนได้รับความอับอาย วันต่อมานายวิโรจน์ทำผิดระเบียบเช่นเดียวกับตน โดยคนขับรถของนายวิโรจน์หลับลืมไม่สามารถไปรับลูกค้าได้ตามกำหนด แต่ทางบริษัทไม่สั่งพักงานเป็นจำนวน 5 วันเหมือนกับตน ทำให้ต้นสงสัยและนำเรื่องราวไปโพสต์ลงในกลุ่มไลน์ของบริษัทรถตู้เช่นเดียวกัน
ทำให้นายวิโรจน์ ไม่พอใจจึงนัดตนไปคุยเพื่อเคลียร์ปัญหา โดยนายวิโรจน์ได้บอกกับตนว่าต่างคนต่างเดินทางไปเคลียร์กันในจุดกลาง ระหว่างบ้านของตนกับบ้านนายวิโรจน์ ตนเดินทางมากับพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายรวม 3 คนมายังจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งภายในหมู่บ้าน และเป็นที่เปลี่ยวมีบ้านชาวต่างชาติอยู่หนึ่งหลัง
เมื่อตนพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายรวม 3 คนเดินทางมาถึงจุดนัดหมาย(จุดเกิดเหตุ) นายวิโรจน์ได้ให้ลูกน้อง 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มาดูลาดเลา เมื่อลูกน้องของนายวิโรจน์เห็นทั้ง 3 คนจึงกลับไปรายงานให้นายวิโรจน์ทราบ และนายวิโรจน์ได้โทรมาต่อว่าตนให้ไล่พี่ชายกับเพื่อนพี่ชายกลับไปให้มาคุยกันตัวต่อตัว ตนจึงตอบนายวิโรจน์ไปทางโทรศัพท์ว่าได้ตนบอกให้พี่ชายกับเพื่อนของพี่ชายกลับบ้านไปแล้ว
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 18.20 น. ของวันที่ 19 มี.ค.63 นายวิโรจน์ ได้ส่งลูกน้องชุดเดิม 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาใกล้ตนกับพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายที่หลบซ่อนอยู่ แล้วชักอาวุธปืน .38 ขึ้นมารัวกระสุนใส่พวกตนจนหมดโม่จำนวน 5 นัด ส่วนกระสุนปืนนัดที่ 3 เข้ามาที่หัวของตน แต่คมกระสุนแค่ถากหัวตนไปเท่านั้น พี่ชายกับเพื่อนพี่ชายทั้ง 2 คนวิ่งหลบคุมกระสุนปืนได้ทันจึงรอดปลอดภัย
หลังจากนั้นพี่ชายได้นำตนไปแจ้งกับความกับ ร.ต.อ.ญาณภัทร มาลัย ที่ สภ.เชิงทะเล ในขณะที่ศีรษะของตนเลือดไหลอาบลงมาเปื้อนเสื้อทั้งตัว เมื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อย ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกรถโรงพยาบาลมารับตนไปทำแผลที่โรงพยาบาลถลาง หมอแจ้งกับตนว่ากระสุนเพียงถากศรีษะไปเท่านั้น และทำการเย็บแผลจำนวน 5 เข็ม หลังจากนั้นได้ตรวจร่างกายตนและให้ตนกลับมาพักรักษาตัวได้ที่บ้าน
จากนั้นตนพยามติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เชิงทะเล สอบถามถึงความคืบหน้าของคดีที่ว่าไปถึงไหนแล้วคำตอบที่ได้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เชิงทะเล ทราบว่ากำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ตามจับผู้ว่าจ้างและมือปืนกับผู้ร่วมก่อเหตุเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืนในวันเกิดเหตุแล้ว
คืบหน้าล่าสุดตนทราบว่าทางสภ.เชิงทะเลได้ออกหมายจับในคดีนี้ไปแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดี
โดยนายอิษฎาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ตนสงสัยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เชิงทะเล ว่าทำไมจึงไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ทั้งที่ชาวบ้านพบเห็นมือปืนและคนขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืนในวันเกิดเหตุ เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในชุมชน ทำไมชาวบ้านเห็นและตำรวจทำไมไม่ เห็นเรื่องนี้ทำให้ตนหวั่นวิตกกังวลว่า ถ้ามือปืนจะย้อนกลับมาฆ่าปิดปากตนอีกครั้งก็สามารถทำได้ เพราะตำรวจไม่ยอมเร่งรัดจับตัวมือปืนมาดำเนินคดี ทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างหวาดวิตก ไม่ทราบว่าวันไหนมือปืนจะบุกเข้ามายิงตนทิ้งเหมือนครั้งก่อน
“วันนี้จึงหอบเอกสารมาร้องเรียนสื่อมวลชนให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล และฝากถึง พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ช่วยเร่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ อีกคดีหนึ่งที่คนร้ายลงมือหวังจะปิดชีพ โดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายบ้านเมืองในเมืองท่องเที่ยวอย่างจังหวัดภูเก็ต” นายอิษฎา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 63 สภ.เชิงทะเล โดย พ.ต.ท.รัษฎา กลึงวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน ปฏิบัติราชการแทน ผกก.เชิงทะเล ได้ส่งหนังสือแจ้งผลการดำเนินคดีมายังนายอิษฎา ระบุว่า ตามที่ผู้แจ้งได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับ นายชาริฟ สร้อยสน ผู้ต้องหาที่ 1 และ นายนันทพัทธ์ มานะบุตร ผู้ต้องหาที่ 2 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ซึ่งทาง ร.ต.อ.ญาณภัทร ได้รวบรวมหลักฐานและยื่นขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแล้ว โดยมีหมายจับจังหวัดภูเก็ตหมายเลข 106/2563 และ 173/2563 ลงวันที่ 20 เม.ย.63 และ 10 มิ.ย.63 ตามลำดับ พร้อมระบุว่า คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างแจ้งฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาดำเนินคดี