พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก.ทท.3 กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 62 เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.2 บก.ทท.3 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ว่ามีคนร้ายเป็นชาวต่างชาติก่อเหตุลักทรัพย์อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ไปจากแผนกจำหน่ายสินค้าภายในห้างออกไป พร้อมทั้งได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุแล้ว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่งานสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ได้ร่วมสืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าว
จนกระทั่งทราบว่าศาลแขวงภูเก็ตได้ออกหมายจับนายเอเดนแล้ว และทราบว่าในวันที่ 4 ม.ค. นายเอเดนปรากฏตัวอยู่ภายในสนามบินนานาชาติจังหวัตภูเก็ต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อได้เดินทางไปถึงบริเวณหน้าอาคารสนามบินระหว่างประเทศ ได้พบชายชาวต่างชาติ ตำหนิรูปพรรณตรงตามกับบุคคลในหมายจับ จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงหมายจับให้นายเอเดน โดยรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง
ผบก.ทท.3 อธิบายเพิ่มเติมว่า ในทางสืบสวนทราบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นายเอเดนได้เข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ในขณะที่นายเอเดนเข้าไปลักเอาสินค้าโดรนออกมาจากห้างสรรพสินค้า เจ้าหน้าที่ของห้างแจ้งว่า ช่วงที่นายเอเดนก่อเหตุนั้นเป็นช่วงที่มีผู้ที่เข้าไปใช้บริการในร้านจำนวนมาก น่าจะอาศัยจังหวะดังกล่าวลักทรัพย์โดรนออกไป
“ในชั้นจับกุมนายเอเดนรับว่าในวันที่เกิดเหตุได้ไปภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าวจริง แต่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลักทรัพย์(โดรน) ออกมาจากห้างสรรพสินค้าดังกล่าวแต่อย่างใด เจ้าหนัาที่งานสืบสวน กก 2 บก.ทท.3 จึงจับกุมตัวนำส่งพงส.สภวิชิต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”
พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 5 ม.ค. ประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิชิต, งานสืบสวน กก.2 บก.ทท.3 และนายเอเดน ได้ร่วมกันไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 24/226 หมู่ที่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งผู้ถูกจับได้ยอมรับภายหลังว่าตนได้นำโดรนไปเก็บซ่อนไว้ และได้พบกับนายกัณท์ แกล้วทนงค์ เจ้าของบ้าน/ผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว ตรวจสอบพบโดรนที่มีข้อมูลตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.วิชิตวันที่ 27 ธ.ค. และจากการสอบถามนายเอเดน (เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามด้วยตัวเองและผ่านล่ามแปล) นายเอเดน แจ้งว่าเป็นสิ่งของที่ได้หยิบเอามาจากร้านขายภายในห้างจริง โดยอ้างว่าก่อนหน้านี้ได้เคยไปซื้อเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า แล้วมีปัญหาเรื่องการใช้งาน แต่ทางร้านไม่ยอมคืนงินให้ เลยทำให้โมโหหยิบเอาโดรนชิ้นดังกล่าวมาแล้วเดินออกจากร้านไป โดยไม่ได้ชำระเงินแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดสินค้าแบรนด์เนม 7 ชิ้น เนื่องจากเชื่อว่านายเอเดนน่าจะมีพฤติกรรมการลักทรัพย์จากที่อื่นมาด้วย จึงได้ยึดไว้ตรวจสอบ เพื่อจะได้ประสานกับสถานีตำรวจในพื้นที่เพื่อตรวจสอบต่อไป
“ขอประชาสัมพันธ์ให้กับห้างร้านหรือห้างสรรพสินค้าแห่งอื่น หากตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินสูญหายไปในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนร้บปีใหม่ที่ผ่านมา ขอให้มาตรวจสอบได้ที่สภ.วิชิต” พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ กล่าว
สำหรับนายเอเดนเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ 4 พ.ย.62 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 30 วัน ครบกำหนดวันที่ 3 ธ.ค. 62 ต่อมาวันที่ 3 ธ.ค.62 ขออยู่ต่อตม.จังหวัดภูเก็ตอีก 30 วัน ครบกำหนด 2 ม.ค.63 ระหว่างที่ขอต่อวีซ่า เมื่อ 26 ธ.ค.62 นายเอเดนได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์โดรน และเดินทางออกจากประเทศไทย 29 ธ.ค.62 ผ่านทางสนามบินภูเก็ตไปดอนเมืองไปย่างกุ้งและกลับมาภูเก็ตอีกในวันที่ 4 ม.ค.63 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว30 วัน ครบกำหนด 2 ก.พ.63 ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และได้จัดให้มีทนายความเพื่อต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป”
“ผู้ต้องหายืนยันว่าตนเป็นบุคคลในภาพวงจรปิดจริง รวมถึงหลักฐานเชื่อว่าเป็นผู้ทำความผิด ทั้งยังพบของกลางในห้องพักของผู้ต้องหา และไม่มีใบสลิปสินค้ายืนยัน สำหรับโดรนดังกล่าวมูลค่า 28,990 บาท และกระเป๋าแบรนด์เนม แว่นตา รวมแล้วอีก 7 รายการ มูลค่ารวมหลายแสนบาท หากร้านค้าใดถูกขโมยสินค้าดังกล่าวไปแจ้งขอดูของกลางที่อายัดได้ที่ สภ.วิชิต และขอฝากผู้ประกอบการบ้านเช่า ต้องแจ้งข้อมูลผู้เช่าตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เนื่องจากอาจมีคนร้ายแฝงตัวมาเช่าบ้านเพื่อทำความผิดในพื้นที่” พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ กล่าว