จากนั้นก็มีกระแสข่าวตามมาอีกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่ต้องตกเป็นข่าวในประเด็นของการเสียดสีเพศอื่นที่ไม่ตรงกับเพศสภาพของตนเอง
เรื่องนี้สอน(ตัวเอง)ให้รู้ว่าก่อนที่จะพูดอะไรเราควรจะคิดให้ดีก่อน คำพูดบางคำที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกในวัยเด็กมันอาจจะไม่ตลกแล้วในยุคนี้ เราควรจะมองว่าโลกภายนอกเขาเดินไปทางไหนกัน การเหยียดเพศหรือเย้ยรูปลักษณ์ของคนอื่นนั้น เรายังจะทำได้ไหมในโลกยุคปัจจุบัน โลกที่แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดและทำลงไปจะถูกเก็บและแชร์ออกไปได้ภายในไม่กี่วินาที และมันจะคงอยู่อย่างนั้นในโลกของอินเตอร์เน็ต
ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก เราจะเห็นว่าในห้องเรียนของเรามันต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่คอยล้อคอยแกล้ง (บูลลี่)เพื่อนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตา ขาว ดำ อ้วน ผอม สูง เตี้ย ก็หยิบมาล้อกันได้ทุกวัน เพื่อนบางคนสู้กลับก็มีการทะเลาะกันไป บางคนสู้ไม่ไหวร้องไห้กลับบ้านไปเลยก็มี บาดแผลในวัยเด็กเหล่านั้นเราอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเด็ก ๆ ประเดี๋ยวก็ผ่าน เดี๋ยวกะลืมไป แต่เราไม่รู้หรอกว่าคนบางคนอาจจะยังเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงมัน
จากวันนั้นถึงวันนี้ที่เราได้เรียนรู้และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการปลูกฝังลูกหลานให้เติบโตแข็งแรงมาได้ด้วยตัวเอง เข้มแข็งได้ด้วยความสามารถและกำลังของตัวเอง ไม่ใช่เป็นคนที่จะรู้สึกเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่อพูดจาหรือแสดงออกด้วยการกดขี่ข่มเหงคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวนี้อาจจะยังไม่ใช่กรณีสุดท้าย แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ คนเราผิดพลาดกันได้ และแน่นอนว่าการให้อภัยก็คือสิ่งที่ดี แต่เราต้องไม่ลืมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้นด้วย ขออย่าให้เหยื่อบูลลี่ต้องทำใจยอมรับการกระทำจากคนภายนอก และปลอบใจตัวเองด้วยคำว่าโดนล้อจน “ชิน”