อธิบดีประมงยัน “เลพัง” เป็นจระเข้ลูกผสมน้ำเค็ม ไม่ปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ-เริ่มกินอาหารแล้ว

ภูเก็ต - วันที่ 11 ตุลาคม 60 ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ได้เปิดเผยถึงผลตรวจ DNA ของ “เลพัง” จระเข้ที่ถูกที่บริเวณหาดเลพังเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า “จากผลตรวจดีเอ็นเอ เบื้องต้นพบว่าเป็นจระเข้ลูกผสมระหว่างน้ำเค็มและน้ำจืด จึงไม่สามารถปล่อยจระเข้ตัวดังกล่าวกลับสู่ธรรมชาติได้ และจำเป็นต้องกักบริเวณไว้ที่บ่อซีเมนต์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงประมงชายฝั่ง บ้านพารา ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง ตามเดิม โดยจะมีการนัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อหารือเรื่องการดำเนินการขั้นต่อไปอีกครั้งที่จ.ภูเก็ตเร็วๆ นี้”

เปรมกมล เกษรา

วันพุธ ที่ 11 ตุลาคม 2560, เวลา 15:00 น.

ภาพ นายไพศาล สุขปุณพันธ์

ภาพ นายไพศาล สุขปุณพันธ์

“จระเข้ลูกผสมตัวนี้ไม่ใช่ตัวแรกที่พบในประเทศไทย เนื่องจากในประเทศไทยมีฟาร์มจระเข้จำนวนมากจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จระเข้จะเกิดการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์”

“ในประเทศไทยยังมีจระเข้น้ำเค็มหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ทราบถึงจำนวนที่แน่ชัดว่ามีเท่าไหร่ ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเหลืออยู่น้อยเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตของจระเข้น้ำเค็ม”

ทางด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า “เนื่องจากจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้ลูกผสม จึงไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติดังเดิมได้ แต่ตามหลักแล้ว ถ้าหากว่าจระเข้ที่พบเป็นจระเข้น้ำเค็ม ก็จะต้องปล่อยคืนสู่แหล่งธรรมชาติที่เหมาะสมในทางระบบนิเวศ ที่มีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์อื่นๆ”

นายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส ศูนย์วิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงประมงชายฝั่ง ผู้ดูแลจระเข้ตัวดังกล่าว เปิดเผยว่า “สภาพร่างกายของเจ้าเลพังตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์แข็งแรง เริ่มปรับตัวกับที่อยู่อาศัยได้ดีมากขึ้น ไม่มีภาวะเครียดหรือซึมเศร้า และเริ่มกินอาหารแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะหั่นไก่เป็นชิ้น เสียบไม้ยาวและยื่นป้อนเข้าปาก โดยจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆกระทั่งสามารถปรับตัวได้เอง”

“ทั้งนี้มีแผนการว่าจะปรับปรุงพัฒนาบ่อซีเมนต์ให้ดีขึ้น แต่ต้องรอคำอนุมัติจากทางกรมประมงและทางจังหวัดเสียก่อน”

อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมหารือเรื่องมาตรการการจัดการจระเข้ “เลพัง” ยังไม่ได้มีกำหนดวันและเวลาที่แน่นอนแต่อย่างใด

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่