อัสสัมชันแชมป์ฟุตบอลยูธลีก 2018-19 สนามภูเก็ต สับจุดโทษ 4-2 คว้าเงิน 1 ล้าน

ภูเก็ต – ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ประจำฤดูกาล 2018-2019 ในรอบชิงชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ผลปรากฏว่า แข้งเยาวชนจากทีมอัสสัมชัน ยูไนเต็ด คว้าแชมป์รายการนี้ไปต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 พร้อมถ้วยและเงินรางวัล 1 ล้านบาท หลังการดวลจุดโทษเอาชนะบีจีปทุม ยูไนเต็ด 4 ประตู ต่อ 2 ณ สนามกีฬาสุระกุล จังหวัดภูเก็ต

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 1 กรกฎาคม 2562, เวลา 13:52 น.

วานนี้ (30 มิ.ย.) ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขัน ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 19-30 มิถุนายน ณ สนามฟุตบอลสุระกุล และสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

สำหรับคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้ เป็นการพบกันระหว่างทีมอัสสัมชัน ยูไนเต็ด และทีมบีจีปทุม ยูไนเต็ด การแข่งขันในแรกทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกเข้าใส่กันแต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ เข้าสู่ในช่วงครึ่งหลังทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่ก็ไม่มีทีมใดสามารถทำประตูฝ่ายตรงข้ามได้ จบเกมในเวลาเสมอกัน 0-0 จึงต้องมีการชิงชัยด้วยเกมการยิงจุดโทษตัดสิน

ผลปรากฏว่าแข้งทีมอัสสัมชัน ยูไนเต็ด ใช้โอกาสสำคัญได้ดีและแม่นกว่า ยิงเข้าไป 4 ประตู ส่วนทีมบีจีปทุม ยูไนเต็ด ยิงเข้า 2 ประตู ทำให้อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมกับเงินรางวัลบำรุงทีม 1,000,000 บาท และถ้วยรางวัล อันดับที่ 2 รองชนะเลิศ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 500,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ส่วนอันดับที่ 3 ทีมโปลิศ เทโร เอฟซี ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล อันดับ 4 ทีมสมุทรสาคร เอฟซี ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ตามลำดับ สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ตกเป็นของสิทธา บุญหล้า จากทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด

ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นฤดูกาลที่ 3 โดยความร่วมมือกันระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศได้มีลีกฟุตบอลแข่งขัน เพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถส่งต่อไปสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อเป้าหมายคือการพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในปี 2026 ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 รุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี , 15 ปี , 17 ปี และ 19 ปี โดยในปีนี้ได้เดินทางมาถึงรอบสุดท้าย และในแต่ละสนามได้กระจายไปจัดตามภูมิภาค เพื่อสร้างกระแสตื่นตัวให้กับคนในต่างจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในและจังหวัดใกล้เคียง

นอกจากนี้นักกีฬาจำนวน 20 คน ที่ทำผลงานได้โดดเด่น จะถูกคัดเลือก ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังในบุนเดสลีก้า ของเยอรมันอีกด้วย

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวว่า สำหรับฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุ 15 ปี เป็นรุ่นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต้องการพัฒนา และผลักดัน เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ต่อไป ซึ่งเป็นแผนงานระยะยาวที่ได้วางไว้ โดยหลังจากนี้ เยาวชนชุดนี้จะมีการเก็บตัวและส่งไปแข่งขันรายการต่างๆ ระดับนานาชาติ เพื่อหาประสบการณ์ ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาใน 2 มิติ ทั้งผู้เล่น รวมไปถึงผู้ฝึกสอนด้วย ซึ่งจะมีการอบรมและพัฒนาโค้ชในระดับภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น

โดยทาง กกท. และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อจะพัฒนานักกีฬาตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงระยะยาวถึง 10 ปี เพื่อสร้างรากฐานในทุกรุ่นอายุ ทั้ง รุ่น U17, U20 และ U23 ซึ่งสนามต่อไป รุ่นอายุ 13 ปี ที่ จ.เชียงราย คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้ภูเก็ตแน่นอน

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ / กองประชาสัมพันธ์ กกท.

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่