ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มบริการขนส่งโลจิสติกส์และธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ 42% มาจากธุรกิจกลุ่มการสื่อสาร ได้แก่ ใบแจ้งยอดค่าบริการ และจดหมาย 37% และมาจากการค้าปลีกของไปรษณีย์ และการขนส่งระหว่างประเทศ อีก 21% ขณะที่เป้าหมายรายได้ปี 2560 อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ด้วยกำไรสุทธิ 3,300 ล้านบาท
ด้านพล.อ.สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย กล่าวว่า แผนธุรกิจของไปรษณีย์ไทยครึ่งปีหลัง เน้นขับเคลื่อนการทำงานภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 นำร่องติดตั้งตู้ไปรษณีย์อัจริยะ ภายใต้ชื่อ "พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง"
โดยได้เริ่มที่ จ.พิษณุโลก จำนวน 15 ตู้ และวางแผนขยายยัง จังหวัดอื่นภายในปีนี้ ซึ่งสามารถเข้าถึงบริการด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดบนตู้ โดยสามารถให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ร้านค้า และเส้นทางการเดินทางเป็นต้น ซึ่งจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ นอกเหนือจากนี้แผนธุรกิจของไปรษณีย์ไทยเน้นประยุกต์เทคโนโลยีนวัตกรรมในระบบงานรับฝาก คัดแยก ส่งต่อ และนำจ่าย
สำหรับระบบรับฝากได้พัฒนาบริการ CA Post ตอบสนองผู้ประกอบการ อี-คอมเมิร์ซ โดยใช้บันทึกข้อมูลจ่าหน้าซอง สแกนบาร์โค้ด และมีเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยมารับพัสดุ ด้านระบบคัดแยก จะเปลี่ยนแปลงสู่ระบบอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็วในการคัดแยกและลดปัญหาพัสดุบุบสลาย ตั้งเป้าภายในปี 2562 ทุกสาขาจะติดตั้งระบบคัดแยกอัตโนมัติได้ทั้งหมด รวมถึงการพัฒนาระบบส่งต่อ ตั้งศูนย์ขนส่งการเคลื่อนย้าย เพื่อบริหารเส้นทางการขนส่ง
นอกจากนี้ พล.อ.สาธิต ได้กล่าวอีกว่าบริษัท ไปรษณีย์ไทย ยังสนับสนุนนแผนอี-คอมเมิร์ซ 4.0 ของรัฐบาลสร้าง "ดิจิทัลชุมชน" การให้บริการมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) ผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น สำหรับปีงบ 2560-2561 ได้รับงบ 7,000 ล้านบาท ไปลงทุนด้านการติดตั้งระบบคัดแยก เพื่อพัฒนาระบบการทำงาน และลดต้นทุนในระยะยาว
