หลังรับแจ้งจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.เชาว์ ผอมนะ รองผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง สารวัตรวิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ภูเก็ต, ร.ต.อ.เวชศักดิ์ จุลอดุง รองสวป.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.อนิรุทธ์ ทองผึ้ง รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเช่า 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านสักลาย บริเวณพื้นหน้าบ้านพบกองเลือดขนาดใหญ่ จำนวน 2 กอง และยังพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. ตกอยู่จำนวน 2 ปลอก ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น และห่างไปเล็กน้อยภายในบ้านด้านหลังโซฟายังพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่อีก 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามทราบว่า ผู้บาดเจ็บ ทั้ง 2 ราย ได้มีผู้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตไปก่อนหน้านี้แล้ว หนึ่งในผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายสินชัย แก้วลิพอน อายุ 30 ปี สภาพถูกยิง เข้าบริเวณใต้ราวนมขวาทะลุหลัง 1 นัด กลางหน้าอก 1 นัด และใต้ราวนมซ้าย 1 นัด แพทย์ได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีกราย ทราบชื่อ คือ นายจักรพันธุ์ สลวยเอี่ยม อายุ 28 ปี อาการสาหัสยังไม่สามารถให้การได้
ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสินชัยและนายจักรพันธุ์ กับเพื่อนอีกประมาณ 2-3 คน กำลังนั่งประกอบกันชนด้านหลังรถยนต์เก๋งของผู้ตายบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นปาเจโร สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และมีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับตามหลังมาอีก 1 คัน จากนั้นหนึ่งในกลุ่มคนร้ายได้เดินลงจากรถยนต์ และเข้ามาสอบถามหาคนชื่อสิน ซึ่งเป็นชื่อของผู้ตาย ก่อนจะชักปืนจ่อยิงในระยะกระชั้นชิด ทำให้เพื่อนที่อยู่บริเวณดังกล่าวต่างวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ขณะที่ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านคนร้ายยังตามเข้าไปยิงซ้ำ และยังพลาดไปถูกนายจักรพันธ์ฯ ด้วย หลังจากลงมือเสร็จกลุ่มคนร้ายก็ขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เพื่อน ๆ ของผู้ตายได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและใกล้เคียง รวมทั้งสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ในการติดตามตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.กมล กล่าวสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเรื่องใดไม่สามารถระบุได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่สอบสวน เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์
