เจ้าท่าเตรียมรื้อ Seasteading ให้เวลาผู้ก่อสร้าง 30 วัน ก่อนร่วมกับทัพเรือภาค 3 ลงมือ

ภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตประชุมติดตาม กรณีมีการติดตั้ง “สิ่งปลูกสร้างลอยน้ำ” หรือ “seasteading” ห่างจากแหลมพันวาจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 39 กิโลเมตร หรือ 21 ไมล์ทะเล หลังจากชายชาวอเมริกันและภรรยาชาวไทย ประกาศความสำเร็จว่าได้ก่อสร้างที่พักอาศัยกลางทะเลใกล้กับภูเก็ต นอกทะเลอาณาเขตของไทย ห่างจากเกาะภูเก็ต 12 ไมล์ทะเล

ข่าวภูเก็ต

วันพุธ ที่ 17 เมษายน 2562, เวลา 16:39 น.

ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐของไทยยืนยันว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีเป้าหมายตั้งถิ่นฐานแบบถาวรกลางทะเลนอกเขตอำนาจอธิปไตยของรัฐต่าง ๆ โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย เบื้องต้นพ่อเมืองสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด

วันนี้ ( 17 เม.ย. 62) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามกรณีมีการติดตั้งวัตถุลอยน้ำนอกเขต 12 ไมล์ทะเล โดยมี นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อัยการจังหวัดภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ด่านศุลกากรภูเก็ต พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครอง ประมงจังหวัดภูเก็ต โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ตประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วม

นายภัคพงศ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามการดำเนินการกรณีที่มีชาวต่างชาติ ติดตั้งวัตถุลอยน้ำห่างจากแหลมพันวาจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 39 กม.หรือ 21 ไมล์ทะเล โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายใต้ ภารกิจที่มีอำนาจตามกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ. วิชิตจะดำเนินการเก็บข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงสอบสวนบริษัทที่รับจ้างต่อเรือและวัตถุลอยน้ำ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

นายวิวัธน์ กล่าวว่า เขต 12 ไมล์ทะเลเป็นอำนาจอธิปไตยของไทย และมีเขตต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลซึ่งยังคงอยู่ในอำนาจการดูแลของไทย ในเรื่องของการควบคุมมลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่นการทิ้งของเสียน้ำเสียขยะหรือการปล่อยน้ำมัน เป็นต้น และจากเส้นฐานศูนย์กลางไปอีก 200 ไมล์ทะเลจะเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งจะเป็นการใช้น้ำเพื่อการประมง

ทั้งนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะเร่งดำเนินการตามกฎหมาย แจ้งให้ผู้ก่อสร้างทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างภายใน 30 วัน หากผู้ก่อสร้างไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 ดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างดังกล่าวต่อไป เพราะหากปล่อยไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือและจะดำเนินและการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตดำเนินการแต่อย่างใด

เบื้องต้นสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้ออกประกาศแจ้งเตือนไปยังชาวประมงและผู้ที่เดินเรือ ให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างวัตถุลอยน้ำดังกล่าวแล้ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินเรือ

ประชาสัมพันธ์ทัพเรือภาคที่ 3 มีการรายงานในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการจัดประชุมศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 ( ศรชล.เขต 3) เป็นกรณีพิเศษ ไปเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 เม.ย.) ณ ห้องประชุมกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อแก้ไขปัญหาการสร้างบ้านลอยน้ำ หรือ seasteading ซึ่งอยู่ในเขตปกครองตนเองในน่านน้ำไทยนอกชายฝั่ง ภายหลังจากที่ได้มีการประชุมในเรื่องดังกล่าวที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 เม.ย. ที่ อาคาร 2 บก.ทรภ.3 พลเรือตรี กฤษณะ กุณฑียะ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะ หน.ฝ่ายอำนวยการและผู้แทน ศรชล.เขต 3 ผู้แทน เป็นประธานแถลงข่าว การติดตั้งสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยในทะเลนอกทะเลอาณาเขต โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ตามที่ได้รับรายงานจากข่าวในสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีนายชัด แอนดริว เอลวาร์โตวสกี (Chad Andrew Elwartowski) สัญชาติอเมริกัน และภรรยาชาวไทย น.ส.สุปราณี เทพเดช หรือ Nadia Summergirl ประกาศความสำเร็จว่าได้ก่อสร้างที่พักอาศัยกลางทะเลใกล้กับภูเก็ต นอกทะเลอาณาเขตของไทย ห่างจากเกาะภูเก็ต 12 ไมล์ทะเล (22.2 กม.) ตามแนวทางของ Seasteading โดยมีเป้าหมายตั้งถิ่นฐานแบบถาวรกลางทะเลนอกเขตอำนาจอธิปไตยของรัฐต่าง ๆ โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และมีเป้าหมายปกครองตนเองเป็นแบบรัฐอิสระในอนาคต ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ที่ร่ำรวยจากการเก็งกำไรสกุลเงินดิจิตอล

พลเรือตรี กฤษณะ กล่าวว่า จากการที่ กปก.ทรภ.3 ได้รายงานการตรวจพบสิ่งปลูกสร้างในทะเลไม่ปรากฏสัญชาติ ในระยะ 12 ไมล์ทะเล จากเกาะราชาใหญ่ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ในเวลาประมาณ 17.00 น. เช้าวันรุ่งขึ้น (13 เม.ย.) ทรภ.3 จึงได้จัดเรือ ต.991 พร้อมชุดสหวิชาชีพ และฝ่ายกฎหมาย ศรชล. เข้าดำเนินการตรวจสอบ

ออกเรือจากหลักเทียบเรือ ทรภ.3 ในเวลา 08.00 น. และเดินทางถึงสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในเวลาประมาณ 09.38 น. พบว่าเป็นอาคารพักอาศัยลอยน้ำของกลุ่ม Seasteading ซึ่งฝ่ายข่าว ทรภ.3 ได้ยืนยันว่า เมื่อ 4 มี.ค. 62 เว็บไซต์ของโอเรียนบิลเดอร์ ได้รายงานความสำเร็จของนายชัด และ นาเดีย ในการสร้างที่พักตามแนวทางของกลุ่มซีสตีดดิ้ง ซึ่งบุคคลทั้ง 2 ได้โฆษณาชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดนี้ มาอาศัยอยู่เพื่อจัดตั้งชุมชน โดยมีเป้าหมายที่จะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคตในบริเวณอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย

โดยเมื่อ เรือ ต.991 ได้เดินทางไปถึงก็ได้ทำการพยายามติดต่อทางวิทยุกับสิ่งปลูกสร้างของกลุ่มดังกล่าว ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด เรือ ต.991 จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่า สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำไม่ปรากฏสัญชาติและไม่มีผู้อยู่อาศัย

ซึ่งในระหว่างทำการตรวจสอบอยู่นั้น เรือ ต.991 ได้ทำการแจ้งเตือนเรือสินค้าจำนวน 3 ลำ ให้ระมัดระวังในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวเพราะสิ่งก่อสร้างได้ปลูกสร้างในเส้นทางการเดินเรือปกติ และจากการตรวจการด้วยสายตาพบว่า อาคารมีลักษณะเอียงไปทางด้านข้าง จึงได้ส่งชุดตรวจเยี่ยมเข้าทำการตรวจสอบ

ในระหว่างนั้นฝ่ายข่าว ทรภ.3 ได้ยืนยันแนวความคิดของกลุ่มดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เอกราชของประเทศไทยเสื่อมเสีย เนื่องจากพื้นที่ทางอาณาเขตประเทศไทยบางส่วนจะถูกรบกวนสิทธิจากกลุ่มคนดังกล่าว อันเป็นความผิดตามกฏหมายประมวลอาญามาตรา 119

 พลเรือตรี กฤษณะ ยืนยันว่า การสร้างสิ่งปลูกสร้างของกลุ่ม Seasteading เป็นการละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศไทยที่มีเหนือเขตต่อเนื่องตามข้อ 56B และข้อ 60 วรรค 7 และ วรรค 8 ของอนุสัญญากฎหมายทะเล คศ. 1982

พร้อมกับเน้นย้ำว่า การปฏิบัติงานของ ทรภ.3 และ ศรชล.เขต 3 มุ่งเน้นในการรักษาความมั่นคง และผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หากประชาชนที่ทำการประมงในบริเวณชายฝั่งและเกาะแก่งต่าง ๆ ในพื้นทะเลอันดามัน หากมีความเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ที่สำคัญ สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 หมายเลข 076 391 598 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับการประชุมในวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าว บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ที่ผ่านการพิสูจน์ตรวจสอบอย่างถูกต้องชัดเจน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ อธิปไตยของไทย และยังเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย พร้อมระบุอีกว่าทางจังหวัดภูเก็ตจะมีการประชุมติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกวัน และจะจัดทำผลการประชุมเป็นข้อมูลข่าวแจกให้กับสื่อมวลชนทราบต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่