เปิดภูเก็ตเสรีเอกชนเสนอทางออกวิกฤติโควิด-19 เปิดเกาะ 1 ธ.ค.ภายใต้มาตรการควบคุมโรค

ภูเก็ต - ภาคเอกชนภูเก็ตเสนอทางออกวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ของเกาะภูเก็ต เพื่อนำไปสู่การเปิดจังหวัดอย่างเสรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ตั้งเป้ารายได้กว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมระบุว่าหลังจากเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มานานกว่าสองเดือนแล้วธุรกิจของเอกชนยังไปต่อไม่ได้ ผู้ประกอบการโรงแรมยังคงขาดทุนต่อเนื่อง

เกียรติกุล ชูมณี

วันเสาร์ ที่ 11 กันยายน 2564, เวลา 09:00 น.

หุ่นพ่อครัวถือป้ายยินดีต้อนรับพื้นที่ป่าตอง แต่ภายในร้านมีเพียงโต๊ะเก้าอี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้บริการ ภาพ: จุฑารัตน์ เปลรินทร์

หุ่นพ่อครัวถือป้ายยินดีต้อนรับพื้นที่ป่าตอง แต่ภายในร้านมีเพียงโต๊ะเก้าอี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้บริการ ภาพ: จุฑารัตน์ เปลรินทร์

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยกับ The Phuket News เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ภายหลังการร่วมประชุมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ย. โดยในการประชุมร่วมกับจังหวัด ภาคเอกชนภูเก็ต ได้มีการนำเสนอ Shaping our Future แนวทางสู่อนาคตจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้คณะกรรมการฯพิจารณา “เปิดจังหวัดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเสรี”

ซึ่งในที่ประชุมภาคเอกชนได้นำเสนอ แนวทางการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ฉีดวัคซีนมากพอ ให้ความสำคัญกับตัวเลขการเข้าโรงพยาบาลและอัตราการตาย ตรวจคนที่มีอาการ ฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด เพื่อป้องกันการป่วยหนัก และทำการสำรวจคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และทำการฉีดวัคซีนให้ได้ 100% ในกลุ่มเสี่ยงภายในเดือนกันยายน โพสต์ทูเดย์ รายงาน

พร้อมทั้งฉีดวัคซีนให้กลุ่มแรงงานใหม่ที่ย้ายถิ่นให้ได้ 100% และเปิดให้มีการฉีดวัคซีนโดยไม่มีเงื่อนไข ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้ทุกคน บุคคลที่เข้าจังหวัดภูเก็ตต้องได้รับวัคซีนแล้วเท่านั้น การรับผู้ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลและอยู่บ้าน การจัดการผู้เสี่ยงสูง การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดเชื้อแบบดิจิทัลอย่างเป็นระบบ และการวิเคราะห์การพยากรณ์การระบาด

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 5 ข้อดังต่อไปนี้ 1.ธุรกิจร้านค้ากลับมาดำเนินธุรกิจได้ 100% 2.ชาวภูเก็ตกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติและปลอดภัย 3.เปิดการเดินทางระหว่างประเทศในรูปแบบนิวนอร์มอล 4.มูลค่าทางเศรษฐกิจ เป้า ธ.ค.64 - มี.ค. 65 จำนวน 210,000 ล้านบาท 5. จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมา 50% ของปี 2019 เป้า ธ.ค. 64 - มี.ค. 65 จำนวน 3,500,000 คน

โดยภาคเอกชนจะช่วยทำข้อมูลลงทะเบียนการฉีดวัคซีน จากระบบที่มีบนมือถือของ อสม.ทุกคน แล้วสามารถทำนัดฉีดวัคซีนได้ จะทำให้ระบบสาธารณสุขเดินต่อได้ไม่มีภาระ
โดยนายธนูศักดิ์กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดโครงการภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม โครงการส่งผลดีต่อจังหวัดมาตลอดสองเดือน และยังไม่เห็นว่ามีผลกระทบใด อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงแรมที่เปิดให้บริการก็ยังไม่ได้เพิ่มจำนวนมากนัก เนื่องจากในช่วงนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาก็มีเพียงวันละประมาณไม่เกินห้าร้อยคน โดยคาดว่าในขณะนี้ว่ามีโรงแรมเพียง 30% ที่เปิดให้บริการ

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตเข้าใจ พยายามรักษาตัวเองให้แข็งแรง ปลอดภัย และอยู่กับมันให้ได้ เพื่อขับเคลื่อนภูเก็ตให้เดินหน้าต่อไป ส่งเสริมให้คนภูเก็ตและเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด

“ตอนนี้เศรษฐกิจในเกาะดีขึ้นบ้าง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาบางส่วนยังอยู่ในภูเก็ต และบางส่วนได้เดินทางออกไปแล้ว นับว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้มากพอสำหรับให้ทุกโรงแรมและเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ สามารถเปิดบริการได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้ทุกคนได้มีความหวัง” นายธนูศักดิ์ กล่าว

“ถ้าหากเราสามารถรักษาแซนด์บ็อกซ์ให้ดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงฤดูท่องเที่ยว มันก็จะช่วยให้เมืองมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ”

นายธนูศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับโมเดลการ “เปิดภูเก็ตเสรี” ทางภาคเอกชนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มองว่าประชาชนชาวภูเก็ตต้องได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม เพื่อให้สามารถเปิดเกาะภูเก็ตได้อย่างเสรีในเดือนธันวาคมนี้ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่จะเดินทางเข้ามา และให้รู้สึกว่าโควิด-19 เป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา

“สถานการณ์จริงในตอนนี้คือผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ เชื้อมันแพร่กระจายได้เร็วจริง แต่อาการไม่รุนแรง ประกอบกับคนภูเก็ตส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งต่อไปหากเราได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เร็วเท่าไร มันก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้เราสามารถเปิดเกาะภูเก็ตได้เร็ว ตามเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ในวันที่ 1 ธันวาคมหรือมกราคมที่จะถึงนี้”

อย่างไรก็ตาม โมเดลการเปิดเกาะภูเก็ตปลายปีนี้ จะยังคงยึดหลัก D-M-H-T-T อย่างเข้มงวด ภายใต้การได้รับวัคซีนที่ครบถ้วน พร้อมไปกับการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง คือผู้ที่มีอาการป่วยจะต้องตรวจหาเชื้อ หากมีผลเป็นบวกก็ต้องทำการกักตัวเองอย่างมีวินัย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือศูนย์พักคอยที่ทางชุมชนจัดไว้ให้ตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น พร้อมทั้งมีการรายงานตัวเองต่อเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงก็สามารถเดินทางได้อย่างเสรี ออกไปทำงาน ออกไปใช้ชีวิต และกิจการต่าง ๆ ก็ให้มีการเปิดทำการเต็มที่ เช่น อนุญาตให้ร้านอาหารเปิดขายอาหารและเครื่องดื่มได้ตามปกติ

“เราต้องใช้ชีวิตให้ได้เป็นปกติ ถ้าป่วยก็อยู่บ้าน ถ้าไม่ป่วยก็ออกมาใช้ชีวิต ผู้ป่วยต้องซื่อสัตย์ในการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ ไม่ออกมาแพร่เชื้อโรค ช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานในการรักษาคนป่วยได้อย่างแท้จริง และบุคลากรทางการแพทย์ไม่ต้องออกพื้นที่ตรวจเชิงรุกเหมือนในปัจจุบัน” นายธนูศักดิ์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่