เมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มเครือข่าย นำโดย นายสรวุฒิ ปาลิมาพันธ์, นายทัชชกร ดิลกแพทย์, นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์ และนักธุรกิจจากป่าตองรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เปิดเวที"ภูเก็ตไม่ทน" สลับกันกล่าวปราศรัย ตามคำแถลงการณ์ “ภูเก็ตไม่ทน” มีชาวภูเก็ตและผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 20 คน ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อย จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต
โดยแถลงการณ์ “ภูเก็ตไม่ทน” ได้กล่าวถึงบริบทของจังหวัดภูเก็ตซึ่งทำรายได้หลักให้ประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 4 แสนล้านบาท แต่ความเป็นอยู่ที่ดีของคนภูเก็ต ได้เริ่มทรุดต่ำ ดิ่งลงเหว เมื่อมีการยึดอำนาจโดย คสช. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พร้อมทั้งได้ระบุถึงการบริหารประเทศแบบเอื้อนายทุนของรัฐบาล ทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำทางสังคม การบริหารประเทศที่ล้มเหลวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภูเก็ตอย่างรุนแรง พร้อมทั้งมีการบังคับใช้กฎหมายหลายมาตรฐาน ลงโทษคนห็นต่าง รวมไปถึงความไม่โปร่งใสในการดำเนินการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคือต้นตอของปัญหาที่ทำให้คนภูเก็ตถึงจุดตกต่ำและเลวร้ายที่สุดอยู่ในขณะนี้
“นับแต่วันนี้ คนภูเก็ตจะไม่ทน อดอยากปากแห้ง รอวันตายอีกต่อไป” แถลงการณ์ ระบุ และการรวมตัวกันของกลุ่มคนภูเก็ตที่ได้รับความเดือดร้อนในวันนี้ ได้แจ้งวัตถุประสงค์และข้อเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนภูเก็ต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จัดให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดจัดการตนเอง โดยผู้ว่าภูเก็ตต้องมาจากการเลือกตั้ง รวมถึงกล่าวสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนปลดแอก 3 ข้อคือ 1.หยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพ ของนักศึกษา และประชาชน 2.จัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 อย่างเร่งด่วน และ 3.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ สว.250 คน ต้องลาออกไป
