เปิดใจ 2 สาวภูเก็ตผู้เสียหายธุรกิจขายตรงบริษัทดังหลอกลงทุน รายแรกป่วยมะเร็งเป็นซึมเศร้า และสาวนักธุรกิจ

ภูเก็ต - เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 จากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นเดือดในโลกโซเชียลขณะนี้เมื่อ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ออกมาทิ้งปมถึงบริษัทขายตรงชื่อดัง โดยใช้ดาราตัวท็อปเมืองไทยเป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้กับประชาชนร่วมลงทุน สุดท้ายบางคนไม่ได้ตามที่พูดและโฆษณาไว้ ด้านตำรวจเร่งสอบบริษัทดังแล้ว ระบุงานนี้งานช้าง มีดาราดังถูกดำเนินคดีเยอะแน่

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 10 ตุลาคม 2567, เวลา 13:30 น.

ล่าสุดเรื่องนี้ที่ จ.ภูเก็ต น.ส.ไก่ อายุ 63 ปี ผู้เสียหายอีกรายจากบริษัทขายตรงชื่อดัง เปิดเผยว่า ตนเป็นมะเร็งและอยากมีรายได้เลยติดต่อไป เขาให้ไปศึกษาไปเรียนออนไลน์ของเขาจ่ายเงินไป 98 บาท พอเรียนไปเรียนมาเขาก็เสนอชักชวนให้ลงทุน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแล้วก็ด่วนตัดสินใจเหมือนเราจะได้ เหมือนแชร์ลูกโซ่ก็ลงทุนไป 2 แสนกว่าก็จะได้ดีลเลอร์เลย

“แต่เรามาคิดว่า เราต้องหาสมาชิกเข้ามาเหมือนกับว่าบริษัทได้เงินจากเราไป 2 แสนกว่าโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้ามีคนสมัครเป็นดีลเลอร์กว่าหมื่นคนก็เท่าไหร่แล้ว ทำไมเขาจะไม่รวย แต่ของมากองอยู่ที่เรา ตัดสินใจว่าเราเจ็บแล้วเราก็ไม่หาสมาชิก ไม่ได้ติดต่อใครเลย ของก็ขายไม่ได้ แจกหรือกินแล้วก็หมดอายุก็ทิ้งเลย มีความรู้สึกว่าบริษัทไม่ต้องทำอะไรเลย คนที่อยู่ข้างบนก็สบาย คนที่อยู่ข้างล่างก็ลำบากมาก เรารู้สึกว่าเหมือนเราโดนแล้ว ก็เลยไม่อยากไปทำร้ายใคร เลยไม่ไปหาสมาชิก” เธอกล่าว

น.ส.ไก่ บอกด้วยว่า ตนเคยทวงถามกับอาจารย์ที่สอน เขาก็บอกว่าต้องหาสมาชิกอย่างเดียวเราจะได้ระบายสินค้า แต่เราไม่ทำต่อเราก็เลยจมอยู่คนเดียวเราไม่แจ้งความ

“เราไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่เพราะตัวเราเองต้องรักษาตัวเพราะเราเป็นมะเร็งตอนนี้ต้องให้คีโม แต่รหัสสมาชิกยังมีอยู่ เคยขอเงินคืนส่วนนึงได้ไหม เพราะจะได้เอาไปใช้รักษาตัวแต่ถูกปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่อาจารย์บอกว่าเดือนนึงได้เป็นล้าน เขาใจดำนะ”

“เราเอาเงิน 2 แสนกว่าไปลงทุนเพื่อหวังได้เงินมารักษาตัว สุดท้ายแล้วไม่ได้อะไรเลย ก็รับความจริงมันพลาดไปแล้ว เครียดกลายเป็นโรคซึมเศร้าตัวเองก็เป็นโรคมะเร็งอยู่แล้ว อยากได้เงินคืนมา เขาทำกับคนเยอะแยะ อยากถามคุณรวยบนความลำบากของคนอื่นมีความสุขหรือเปล่า ไม่รู้เวรกรรมมีจริง ไม่รู้ชาตินี้หรือชาติไหน แต่ที่รู้คือไม่นานนี่แหละ ขอเงินคืนเถอะจะได้เอาไปใช้รักษาตัว” น.ส.ไก่ กล่าว

ด้านคุณซู่ซี่ สาวนักธุรกิจอสังหาฯ ผู้เสียหายอีกรายในจังหวัดภูเก็ต กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดเมื่อปี 2565 มีญาติเคนหนึ่งติดต่อมา ตอนนั้นตนอยู่ต่างประเทศว่ามีการลงทุนเป็น Passive Income ลงทุนไปแล้วเราจะได้เป็นหุ้นส่วนบริษัท โปรโมชั่นวันนี้วันสุดท้ายโทรแบบมาด่วนมากเลยเปิดดีลเลอร์โดยได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายยาสีฟันหลอดละ 5 บาท แต่ส่วนแบ่งนั้นคือยอดขายของยาสีฟันของบริษัททั้งหมด ยอดขายที่ได้และกำไรที่ได้ได้เยอะแน่นอน กำไรที่เราลงไปได้คืนแน่นอน ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้อยากทำ แต่เห็นว่าเขาเป็นญาติแล้วเขาเพิ่งทำงานเขาไม่ได้ทำงานมานาน แล้วเขาก็ส่งข้อมูลบริษัทมาให้ดู เราเห็นแล้วว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ตนก็ถามว่าแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่ ๆ

“เขาบอกว่ามีสินค้าขายเองเป็น Passive Income ตอนนี้ทำออนไลน์ไม่ต้องทำอะไรเลยตอนที่ทำให้ทุกอย่างไม่ต้องสต๊อกของ แค่เราเปิดดีลลเลอร์ พี่จัดการให้หมดแต่ก็ถามว่าพี่แน่ใจนะว่าไม่ต้องทำอะไร ทั้งหมดเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่เอานะ แต่เขาบอกว่าไม่ต้อง พี่ทำให้หมดแล้วก็บอกว่าโอเคช่วย ๆ ไปแล้วเปิดดีล 200,000 กว่าบาท เป็นโปรโมชั่นยาสีฟัน เขาก็โทรไปหาน้าตนที่ต่างประเทศบอกในลักษณะเดียวกัน Passive Income ได้คืนได้เงินต้น ได้กำไรคืนแน่นอน การันตีโดยไม่ต้องทำอะไรเลยน้าก็ช่วย 2 คนเปิดดีลเลอร์ 4 แสนกว่า ๆ เขาขอบัตรประชาชนเพื่อยืนยันการสมัคร แล้วก็ส่งให้แล้วเขา ก่อนนำบัตรประชาชนเราไปสมัครทำเองทุกอย่างเบิกของเอง โดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย เรามารู้ทีหลังเหมือนเขามาทำสมัครในระบบพยายามยัดเยียดที่จะพาเราเข้ากลุ่มของแม่ทีมคนนี้ชื่อตัวย่อ “ส.เสือ” ดึงเราเข้าไปพูดโน้มน้าวใจเราเข้าไปฟังว่าเป็นการพัฒนาตัวเอ งแล้วเราก็คิดว่าเขาก็ดึงเราเข้ากลุ่มไปเลยแล้วในกลุ่มก็พูดว่ามันมีเรียนนะมีคลาสนะทุกวันเลย” คุณซู่ซี่ กล่าว

“เขาบอกมีเรียนมีการสอนออนไลน์ มีการสอนยิงแอด ตอนนี้กระแสออนไลน์มาแรง เราต้องรู้ถ้าอย่างนั้นเราไม่รอดในยุคนี้ อาจารย์เก่ง ๆ ทั้งนั้นเลยสอนฟรีด้วย แล้วเขาก็ดึงเราเข้ากลุ่มไลน์เลย แล้วก็งงว่าไหนว่าไม่ต้องทำอะไรเลยแต่เราก็ไม่กล้ากดออก เกรงใจคิดว่าเป็นญาติเรา หลังจากนั้นก็เริ่มมาว่าอัดวิดีโอให้หน่อยว่าเข้าเรียน 98 บาท 89 บาท ช่วยอัดแบบนี้นะว่ามันดีมากเลยเรียนคลาสนี้ว่า 89 บาท พลิกชีวิตให้เราพูดแบบนี้นะให้อัดส่งให้พี่นะ เราก็บ่ายเบี่ยงไปว่าไม่ว่าง แล้วก็คิดว่าเราจะพูดทำไม ในเมื่อเราไม่ได้ทำ เราไม่ได้เรียน 89 บาทพลิกชีวิตจริงเหรอไม่ มันหลอกลวงแล้ว เพราะเราก็เอะใจมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” เธอกล่าว

“มีมาบอกอีกว่าไปออกรายการทีวีเป็นเพื่อนหน่อย พี่ไม่มีเพื่อนไป บอกว่าน้องชายพี่ก็ทำหลายคน ติดต่อให้เราไปเปิดอีเวนต์ที่ต่างประเทศด้วย เหมือนกับจะใช้เราเป็นเสื้อผ้า ไหนว่าคุณบอกเราไม่ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้คุณมายัดเยียดให้เราหมดเลย แล้วเขาบอกว่าตอนนี้คุณยายสายตาไม่ดี เอาวิตามินไปกินไหม ก็บอกว่าตอนนี้ซื้อคอลลาเจนให้กินอยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ส่งไปให้ที่บ้านเลย เขาส่งเป็นลัง ๆ ยายก็ตกใจ บอกกินกี่ชาติจะหมด เราก็ถามเขาขายไม่ได้หรือเปล่า”

“ผ่านไป 4 เดือนเขาแจ้งว่าของของหมดสต๊อกแล้วท่านก็ตกใจว่าวิตามินเกือบ 5 แสนมีใครกินหมด 4 เดือนบ้าง เราพยายามจะคุยดี ๆ ตนนับมากินได้ 8 ปี บางอย่างขั้นต่ำ 2 ปีกว่าแต่ 6 เดือนเป็นไปไม่ได้ ก็บอกว่าเช็คของดี ๆ ความผิดพลาดอยู่ตรงไหนอยู่ เพราะเราไม่เห็นของ แล้วคุณจะให้เราจ่ายหลักแสน คุณบอกว่ามันหมดจะแล้วจะให้เรารับผิดชอบ คุณส่งของมาโดยพละการ เราคิดว่าเราเป็นญาติกัน เราเลยไม่อยากพูดแรง พอเราคิดว่าเราโดนหลอก เราก็เลยโทรไปบริษัทแล้วทางบริษัทก็บอกว่าเขาไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ให้โทรหาแม่ทีมเอง”

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

“ถ้าคุณไม่รู้เรื่องก็ให้ทนายมาคุยเป็นกลาง ครอบครัวเขาหลังจากที่เป็นครอบครัวเดียวกันรักกันมากมาแตกแยกกันเลย พ่อแม่เขาเกลียดเรา เขาด่าเรา หนักกว่านั้นคือน้องสาวที่พาเขามาด่าคุณยาย ว่ากินไปทำไมไม่ยอมรับว่ากินเยอะ คุณยายกินคนเดียววิตามิน 500,000 บาท ไม่มีทางหมดภายใน 4 เดือน คุณยายร้องไห้หนักมาก คุณยายนอนร้องไห้ทุกคืน คิดจะฆ่าตัวตาย เราก็เลยว่าไม่ได้แล้วเราต้องสู้เพื่อครอบครัวเรา ทางครอบครัวเขาก็เกลียดเรามากก็ด่าเราหยาบคายแบบไม่เผาผีกันเลย เราจะให้ทนายดูหลักฐานส่งรายละเอียดทุกอย่าง” คุณซู่ซี่ กล่าว

“ฝั่งเขาให้ทนายบริษัทโทรมาขู่ โทรไปหาคุณตาคุณยายที่แก่ ๆ ของเรา ว่าบริษัทเราใหญ่นะเรามีทนายที่เก่ง ๆ เรามีเงินที่จะสู้กับคุณ คุณสู้ยังไงก็แพ้ แต่เรามีหลักฐานที่เพียงพอ เราก็เลยเดินหน้า ถ้าคุณคิดว่าคุณถูกก็มาสิเรียกสืบเข้ามาคุยกันเลย เราคุยกันฉะ ๆ แบบนี้เลย เพราะหลักฐานเราคุยกับทนายของเราแล้วว่าเป็นคดีฉ้อโกงแล้วเขาก็เงียบไป”

“จากนั้นพ่อเขาก็ด่าเราเสีย ๆ หาย ๆ ว่าอยากได้มากใช่ไหมเงินเดี๋ยวโอนให้ เราก็งงเราไม่ใช่คนผิดนะ ทำไมมาว่าเราความจริงต้องขอโทษเรา แทนที่จะด่าหยาบคาย แล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวโอนให้แล้วกัน แต่ให้เซ็นยินยอมว่าโอนให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ขอลดราคา”

“เขามีการโพสต์ลงโซเชียลมีเดียหลายช่องทาง ว่าไปเที่ยวต่างประเทศไปสิงคโปร์เที่ยวเรือยอช์ท แต่เรามาทราบทีหลังว่าเขาจ่ายเงินเอง ไม่ใช่บริษัทจ่ายเรือยอช์ทเช่าแค่ครึ่งวัน นอกนั้นเขาต้องจ่ายเอง โพสต์ว่าร่ำรวยแต่งตัวหรูว่าพลิกชีวิต ทำงานที่นี่พลิกชีวิตรวดเร็วหลายล้าน แต่เรารู้อยู่เพราะเราเป็นคนในครอบครัว เขาว่าเขาไม่ได้มีเงินแต่นั่นคือการโพสต์หลอกลวงประชาชนให้คนอื่นหลงเชื่อ เหมือนแมงเม่าวิ่งเข้ากองไฟ”

คุณซู่ซี่เล่าต่อไปว่ามีคนส่งมาหาตนเยอะมาก ว่าช่วยเป็นกระบอกเสียงเป็นตัวแทนหมู่บ้านให้เขาหน่อย “คนแก่ที่เงินเกษียณก้อนสุดท้ายเขาทำไปได้อย่างไร คนพิการอย่างนี้ นั่งวิวแชร์ไปประชุมก็มี เกษียณเงินก้อนสุดท้ายไปกู้หนี้ยืมสินธนาคาร เมื่อก่อนมีเจ้าหน้าที่ธนาคารอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย มีแนะนำว่าถ้าคุณไม่มีเงินก็ไปกู้ธนาคาร เพื่อที่จะมาลง แนะนำคนจนคนรากหญ้าไปกู้ธนาคารมาลงขายได้แน่นอนเป็น Passive Income ไม่ต้องทำงานอีกเลยนุ่นนี่นั่น”

“สุดท้ายแล้วลุงแก่ ๆ 80 เส้นเลือดในสมองแตกได้ เพราะว่าเครียด” ที่ตนมาพูดวันนี้ไม่ได้มาพูดกับให้ตัวเอง แต่มาพูดให้กับผู้เสียหายคนที่เป็นเงินก้อนสุดท้ายของ เขาสมควรได้คืนคุณหากินบนความทุกข์ยากของคนอื่น จิตใจคุณทำด้วยอะไร”

“บางคนทำออนไลน์ไม่เป็น ลุงบางคนไม่รู้ระบบออนไลน์คืออะไร เขาไม่ได้รับของด้วยซ้ำ และในเคสของเราของไม่ครบ คิดกินอย่างไร 4 เดือนหมด เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขเพราะมันเนิ่นนานมา 6 ปีแล้ว แต่เราพยายามแล้วเราปรึกษาทนาย ทนายก็บอกว่าเงินเราสู้เขาได้ไหม”

สุดท้ายเธอกล่าวว่า ตอนนั้นตนเสียใจมากเราจ่ายค่าทนายเพื่อไปฟังคำพูดแบบนี้เหรอ แล้วก็ว่านี่เหรอประเทศไทย เราก็เลยโทรหาตำรวจไซเบอร์ ตำรวจไซเบอร์บอกว่า ถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็สามารถแจ้งตำรวจได้เลย ก็คิดว่าถ้าทำอะไรไม่ได้ก็รอเวรกรรมทำลายเขาแล้วกัน เราก็เลยตัดสินใจไปหาทนายแล้วจ่ายค่าทนายเอง ถ้าข้อมูลอะไรคลิปเสียงทุกอย่างมีหลักฐานหมด เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สูญเสียชีวิตเรารับไม่ได้”


 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่