เพิ่มรัศมีการค้นหาหนุ่มโปแลนด์สาวไทยในทะเล ยังมีความหวังรอดชีวิต แม่รอพบหน้าลูกสาว

ภูเก็ต - วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ พลเรือตรี ชาญชัยยศ อัฑฒ์สุวีร์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้อำนวยการศรชล.ภาค 3 แถลงข่าวความคืบหน้าการค้นหาผู้ประสบภัยในทะเล ชาวโปแลนด์ และ สาวไทย คือ Mr.Mateusz Juszkiewicz อายุ 27 ปี ชาวโปแลนด์ และนางสาววีรกานต์ ศิริปรากรณ์ อายุ 23 ปี ชาวไทย สูญหายพร้อมเรือคายัค จากบริเวณหาดยะนุ้ย ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมารดาพร้อมญาติของผู้สูญหายชาวไทยที่ร่วมเฝ้าติดตามการค้นหาอย่างใกล้ชิด ที่ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมค้นหาผู้สูญหาย หาดยะนุ้ย ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 9 ธันวาคม 2562, เวลา 18:04 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

นายสุพจน์ กล่าวว่า การค้นหาผู้สูญหายนั้น ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 62 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการค้นหามาอย่างต่อเนื่องแต่เนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรง ประกอบกับเรือที่สูญหายเป็นเรือคายัค ซึ่งเป็นกรณีแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยทุกหน่วยงานที่ร่วมกันค้นหาทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากมีความคาดหวังว่าผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่ โดยกำหนดตารางบินและทางเรือ ประเมินเส้นทางและปรับเส้นทางค้นหา ขณะที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้สูญหายและการทำความเข้าใจกับทางสถานทูตโปแลนด์ กรณีนักท่องเที่ยวสูญหาย รวมทั้งการจัดเตรียมสถานที่ฉุกเฉินกรณีถ้าค้นพบผู้สูญหาย ส่วนการตรวจสอบในเรื่องมาตรการการใช้เรือคายัคดังกล่าวว่า มีกฎหมายใดเกี่ยวข้องบ้างในเรื่องการท่องเที่ยว

"จังหวัดภูเก็ตตระหนักดีว่านักท่องเที่ยวควรได้รับการดูแลดุจญาติมิตร เราส่งกำลังคนทั้งภาคพื้น ทางเรือ และทางอากาศ รวมทั้งอาสาสมัครสนับสนุนจากภาคเอกชนระดมกำลังออกค้นหามาต่อเนื่องจนวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว" นายสุพจน์กล่าว

"เรายังไม่หมดความหวัง ไม่ว่าจะอย่างไรจะพยายามค้นหาจนสุดความสามารถ การค้นหาทางทะเลต้องยอมรับว่าเป็นการปฏิบัติการที่ยาก เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่ แต่เราก็ระดมกำลังทั้งหมดที่มี เชื่อว่าการค้นหาจะประสบความสำเร็จเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด เนื่องจากว่ากรณีเรือคายัคสูญหายยังไม่เคยปรากฎมาก่อน ประกอบกับเรื่องกฎหมายของการท่องเที่ยวก็จะไม่เห็นว่ามีในเรื่องของเรือคายัคเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากนี้ไปคงจะดูว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ดูว่ามีการฝ่าฝืนตรงไหนหรือว่ามีมาตรการป้องกันทางด้านใดตามประมวลกฎหมายมาตรา 4 ของ พรบ.ท่องเที่ยว"

ด้าน พล.ร.ต.ชาญชัยยศ กล่าวว่า การค้นหาดำเนินการมาตั้งแต่วันเกิดเหตุและยังไม่พบ ทางทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังดำรงความตั้งใจในการที่จะค้นหาต่อไป

"ในเรื่องของพื้นที่ ค้นหาเป็นเวลา 2 วันแล้ว อาจจะมีการปรับพื้นที่ในการส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินให้ไกล อาจจะไปไกลขึ้นอีกกว่าเดิมให้ได้พื้นที่ในการค้นหา คิดว่าระยะเวลาที่เหลือเป็นวิกฤติพอสมควร และยังพยายามที่จะดำเนินการค้นหาต่อไป โดยรัศมีของพื้นที่การค้นหา 70% คือที่ได้ตีตารางไว้ประมาณ 600 ตารางไมล์ ขณะนี้ทำได้ประมาณ 400 กว่าตารางไมล์แล้ว เหลืออีก 30% ยังค้นหาต่อไปให้ครบ 100% ถ้าครบ 100% ยังไม่พบ อาจจะเพิ่มระยะการบินให้ไกลขึ้นในการที่จะออกไปค้นหาตรวจสอบกระแสลมกระแสน้ำโดยอาจจะเพิ่มระยะการบินของเฮลิคอปเตอร์ออกไปอีก ได้ตีกรอบเฉพาะพื้นที่ที่ผู้สูญหายได้สูญหายได้ดูจากกระแสน้ำ กระแสลม ประกอบด้วยข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือเอามาคำนวนในการที่จะดูความเร็วของน้ำ ของลมในการที่จะพัดพาเอาวัสดุต่างๆออกไปในทะเลจะกำหนดความน่าจะเป็นของผู้ที่สูญหายไปในทิศทางใด จะให้เฮลิคอปเตอร์และเรือไปทิศทางนั้น"

"ส่วนผู้สูญหายจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย อาจจะอยู่ได้นานหน่อย แต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง มีคลื่นมีลมเจอสภาพอากาศ แสงแดด ไม่มีอาหาร และการให้กำลังใจ มีปัจจัยหลายอย่างในการที่จะดำรงชีวิตอยู่ในทะเล โดยมีความเป็นไปได้ที่คลื่นลมจะพัดพาไปในเขตประเทศเพื่อนบ้าน จะเพิ่มระยะการค้นหาทั้งทางเรือและทางอากาศยาน" พล.ร.ค.ชาญชัยยศ กล่าว

นาวาเอก พงษ์มิตร ณรงค์กูล ผู้อำนวยการกองยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า การปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7-8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค. ประมาณ 21.00 น.ได้ทำการค้นหา และวันที่ 8 ธ.ค.มีการปฏิบัติเพิ่มเติมในกำลังทางเรือใช้ อากาศยาน ตำรวจภูธรภาค 8 และหมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 3 เข้ามาร่วมปฏิบิบัติการทำการบินรวม 4 เที่ยวบิน ส่วนกำลังทางเรือ มีเรือ ต.991 ต.233 ,จาก ทัพเรือภาคที่ 3 สรุปยังค้นหาไม่พบได้กำหนดพื้นที่ลาดตระเวนค้นหาเป็นไปตามพื้นที่ที่คาดหมายว่า ผู้สูญหายอาจจะไปตามกระแสน้ำ และตามลักษณะของคลื่นลม โดยอาศัยข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ประกอบในการกำหนดพื้นที่ในการค้นหา ได้ดำเนินการทั้งวัน และ มีการปรับแผนการปฏิบัติโดยใช้เรือสปีดโบ๊ทจากเอกชนจำนวน 7 ลำ ทำการค้นหาโดยเทศบาลตำบลราไวย์ประสานการปฏิบัติใช้กำลังทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการครั้งนี้ และค้นหาในพื้นที่ออกไปทางด้านนอกทิศตะวันตก และ ค้นหาทางตอนเหนือของพื้นที่ คาดว่า ผู้สูญหายอาจไปทางด้านทิศนั้น ผลการปฏิบัติเมื่อคืนเสร็จสิ้นการปฏิบัติยุติเวลา 20.00 น. ยังไม่พบผู้สูญหาย

"การปฏิบัติในวันนี้ได้ประชุมกันและปรับแผนการปฎิบัติใหม่โดยกำหนดพื้นที่และเพิ่มเติมเรือเข้ามาได้รับการสนับสนุนกำลังทางเรือจากตำรวจน้ำกองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ และเรือเจ้าท่าภูเก็ต อีก 2 ลำ ร่วมค้นหา และ วันนี้จัดเฮลิคอปเตอร์ขึ้นทำการบินค้นหา มีญาติผู้สูญหายขึ้นบินด้วยดูการปฎิบัติงานค้นหา 

สรุปวันนี้จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงาน ยังดำรงแผนที่กำหนดไว้ลาดตระเวนให้ครบทั้งพื้นที่โดยตีตารางค้นหาใน4พื้นที่ย่อย โดย เรือรายงานว่า ทำการลาดตระเวน 70% ของพื้นที่แล้วจะดำเนืนการให้ครบ100%ของพื้นที่ภายในวันนี้ จะค้นหาทุกตารางนิ้ว พยายามอย่างเต็มที่เต็มความสามารถที่จะหาผู้สูญหายให้ได้" นาวาเอก พงษ์มิตร กล่าว

ทางด้านนายสมชาย เชื้อปู่ ผู้ประกอบการเรือเช่า กล่าวว่า เปิดธุรกิจเป็นร้านอาหารหน้าหาดยะนุ้ย พร้อมกับให้บริการเช่าเรือคายัค โดยคิดค่าบริการค่าเช่าเรือ 1 คน ต่อ 100 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง มีเรือให้เช่า จำนวน 23 ลำ ตอนนี้ หายไป 1 ลำ พร้อมชาวโปแลนด์และสาวไทย ในการเช่าเรือ ไม่มีการมัดจำ ไม่มีประกันภัย และการเกิดอุบัติเหตุรายนี้เป็นรายแรก

นางชุดารษา ศิริปรากรณ์ อายุ 46 ปี มารดา ผู้สูญหายชาวไทย กล่าวว่า สามีเสียชีวิตหลายปีแล้ว มีบุตรรวม 3 คน คนที่สูญหายเป็นบุตรสาวคนโต เพิ่งจบการศึกษารับปริญญา และมาทำงานที่ภูเก็ตเป็นพี่เลี้ยงเด็กในเนิสเซอรี่ของชาวต่างชาติที่บ้านท่าเรือ ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร เมื่อทราบข่าวจากเพื่อนบุตรสาว รู้สึกตกใจมาก จึงเดินทางมาพร้อมบุตรชายและญาติ เพื่อมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะรอจนกว่าพบหน้าของบุตรสาว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่