เมื่อวันที่ 26 ก.ค. รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้สัมภาษณ์ นางอัญชลี บุตรเติบ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่า 8 ศพที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งได้มาบอกเล่าเรื่องราวในวันเกิดเหตุ
อัญชลี เปิดเผยว่า อาการขณะนี้ตนเองดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลูกสาวคนเล็กที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีอาการกลัวๆ อยู่ เมื่อเห็นคนแปลกหน้าใส่เครื่องแบบทหาร ตำรวจ ก็มีอาการกลัว หวาดผวา ส่วนลูกคนโตไม่ค่อยพูด ซึ่งตนต้องคอยปลอบลูกว่า ทหาร ตำรวจ (ซึ่งมาตรวจที่เกิดเหตุ) กลับไปแล้ว
พิธีกร : กระสุนที่คนร้ายยิงบริเวณศีรษะได้ผ่าตัดนำออกแล้วหรือไม่
อัญชลี : สะเก็ดกระสุนในศรีษะลูกสาวคนโตแพทย์ได้ผ่าตัดเอาออกหมดแล้ว ส่วนลูกคนเล็กแพทย์บอกว่าไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะมีความความเสี่ยง 50/50 เพราะอยู่จุดเส้นเลือดใหญ่ ถ้าผ่าก็อันตราย อาจไม่ฟื้นหรือพิการ ซึ่งเสี่ยงมาก จึงผ่าไม่ได้ แต่ต้องคอยดูอาการเรื่อยๆ เพราะหมอบอกว่าลูกทั้ง 2 คน อาจเกิดอาการชักตลอดชีวิต แต่ขณะนี้ลูกทั้งคู่ยังไม่มีอาการชักแต่อย่างใด ซึ่งคนเล็กหมอกำชับว่าอย่าให้หกล้ม
พิธีกร : วันเกิดเหตุอัญชลีเป็นคนแรกที่เจอกับผู้ลงมือยิง (บังฟัต) ใช่หรือไม่
อัญชลี : ตนเป็นคนแรกที่เขามายิง เมื่อถูกยิงก็รู้สึกมีอาการชา แต่ไม่สลบ ซึ่งตนไม่ได้ยกมือขึ้นมาป้องตามที่เป็นข่าว โดยลูกกระสุนเฉี่ยวศีรษะไป เพราะตนใส่ผ้าคลุม จึงคิดว่าอาจทำให้คนร้ายมองไม่เห็น และนึกว่าตาย เพราะตอนนั้นจำได้ว่าพอลุกขึ้นยืน ก็ล้มลงเลย ซึ่งบังฟัตก็เลยอาจคิดว่าตายแล้ว เลยไปรายอื่นต่อ
ตอนนั้นไม่ได้เห็นหน้าบังฟัต เพราะคนร้ายทุกคนใส่โม่งและตอนนั้นก็ไม่รู้จักเลยว่า คนที่มาเป็นใคร เพราะใส่โม่งหมด
พิธีกร : ก่อนที่คนร้ายจะยิงได้พูดอะไรหรือไม่
อัญชลี : ก่อนจะยิงคนร้ายถามว่ากลัวไหม กลัวไหม กลัวไหม ก็ตอบว่า กลัวมาก อย่าทำอะไรเลย กลัวแล้ว และเขาก็ยิงเลย ซึ่งเราร้องขอชีวิตแล้ว แต่เขาก็ไม่ให้ และยิงเลย ซึ่งตอนนั้นสลบจริงไปประมาณ 5 นาที และรู้สึกตัว แต่ไม่ลืมตา แต่ก็นอนอยู่ในห้องนั้น ซึ่งคนร้ายปิดไฟ
พิธีกร : หลังจากบังฟัตยิงแล้ว ได้ยินเหตุการณ์อะไรหลังจากนั้น
อัญชลี : ได้ยินเสียแฟน (สุทธิพงศ์ พริกดำ น้องชายผู้ใหญ่ วรยุทธ สังหลัง ) วิ่งเข้ามาหา และพวกนั้นก็ดึงเขาออกไป และก็ทรมานแฟน ซึ่งก็ได้ยินเสียง แต่ไม่เห็น จากนั้นได้ยินเสียงปืนที่คนร้ายยิงแฟนประมาณ 4-5 นัด ก่อนหน้านั้นแฟนบอกคนร้ายว่า สงสารเถอะ ขอเถอะ อย่าฆ่าลูก ฆ่าเมียเขาเลย อย่าทำอะไรใครเลย แม้กำลังจะถูกยิง เขาก็ขอให้คนร้ายปล่อยคนอื่นที่อยู่ในห้องไป ต้องการอะไร จะทำอะไร จะบอกหมดทุกอย่าง แต่เค้า (คนร้าย) ก็ไม่เว้น พอแฟนดิ้นมากๆ คนร้ายที่จับแฟนอยู่ 4-5 คน เริ่มจะต้านแรงไม่ไหว ก็เลยยิง
พิธีกร : คำสุดท้ายที่ สุทธิพงษ์ พูดจำได้ไหมว่าพูดอะไร
อัญชลี : เขาพูดหลายอย่าง บอกว่า เว้นชีวิตทุกคนไว้ อย่าฆ่าใครเลย อย่าทำ อย่าทำใคร ขอแล้ว อย่าทำเขา พูดย้ำอยู่อย่างนั้น หลังจากนั้น ก็ไม่หวังว่าแฟนจะรอดชีวิต เพราะได้ยินเสียงปืนหลายนัดเกิน
ตอนนั้นลูกคนสาวคนเล็กอยู่กับน้องสาวชื่อแอนนา ที่กำลังกอดอยู่บนเตียง ส่วนลูกคนโตอยู่อีกห้อง
พิธีกร : หลังจากที่บังฟัตยิงสุทธิพงษ์ แล้วไปที่ใครต่อ
อัญชลี : ได้ยินเสียงบนเตียง แต่ไม่รู้ว่าไปอะไรใครต่อ เพราะมันเงียบ ได้ยินน้องสาวถามว่า เจ็บไหม เจ็บไหม กับบังฟัต ซึ่งคนร้ายก็บอกว่า ไม่เจ็บหรอก แปปเดียว และเค้าก็ยิงเลย
พิธีกร : ระหว่างก่อเหตุบังฟัตได้โทรรายงานเหตุการณ์กับใครหรือไม่
อัญชลี : ไม่ได้ยิน พอเสร็จจากห้อง เขาก็ออกกันไปห้องอื่นเลย และก็ไม่ได้เดินกลับมาอีกเลย แต่ตอนนั้น ได้ยินเสียงปืนดังที่ห้องอื่นหลายนัด และได้ยินเสียงดังเหมือนกับผู้ใหญ่โวยวาย แต่ไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน เพราะมันไกล และมีประตูกั้น จึงไม่ได้ยิน แต่ก็ได้ยินเสียงปืนดังตลอด แต่ไม่รู้ว่าเสียงใคร เพราะมันไกลกันมาก และที่บ้านก็เป็นประตูกระจกทั้งหมดเลย
พิธีกร : เมื่อเริ่มรู้สึกตัวได้เดินไปหาคนในห้องอื่นช่วงเวลาไหน
อัญชลี : ตอนที่ได้ยินเสียงคนร้ายสตาร์ทรถ เพราะรถของคนร้ายท่อจะดังมาก แต่ก็ยังไม่กล้าลุกขึ้น เพราะนึกว่ามันคงจะออกไปคันเดียว แต่แล้วลูกสาวคนโตเดินมาหาเอง และบอกว่า มันฆ่าหมดทั้งบ้านเลย ตายหมดทั้งบ้านเลย และลูกสาวคนโตก็โทรบอกพ่อของสุทธิพงษ์ (พ่อตา) และน้องชายของตนซึ่งอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นตนก็อุ้มลูกสาวคนเล็กไปหน้าบ้าน
ตอนนั้นลูกสาวคนโตเดิมเอามือกุมหัวมา และมีเลือดไหลมาก เขาเดินมาหา แบบคิดอะไรไม่ออก เหมือนกับคนบ้าเลย ร้องอย่างเดียว ซึ่งหลังจากออกไปรอหน้าบ้านไม่เกิน 5 นาที จึงมีคนมาช่วย
ที่มา https://www.facebook.com/Krobkruakao3/videos/1387833081252528/
