เมื่อเวลา 23.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา (18 มี.ค.) น.ส.จุฬารัตน์ โมมะเกือ อายุ 32 ปี พร้อมด้วย น.ส.ณัชชา สงค์โข อายุ 32 ปี และกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกโกงแชร์จำนวน 30 คน มูลค้าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท รวมตัวกันเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมชาย หนูบุญ สว.สอบสวน สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อนงนุช แสงวิสุทธิ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/4 ม.1 ต.กะลาแส อ.สิเกา จ.ตรัง ในความผิดฐานกู้ยืมเงินอันเป็นการหลอกลวงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์
น.ส.ณัชชา กล่าวว่า ในการรวมตัวสมาชิกจำนวน 30 ราย เข้าแจ้งความเนื่องจาก พวกตนทั้งหมดได้รับการชักชวนน.ส.อนงนุช ซึ่งเป็นเท้าแชร์ ชักชวนจูงใจผ่านทางเฟซบุ๊ก ทางไลน์ รวมทั้งทางโทรศัพท์ให้มาลงเล่นแชร์ในวงต่าง ๆ โดยเห็นว่าน.ส.อนงนุช เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือมีโปรไฟล์และการทำงานที่ดีมีความมั่นคง ประกอบกับมีความสนิทรู้จักส่วนตัว จึงตัดสินใจตกลงเล่นแชร์ดังกล่าว โดยตนได้เล่นแชร์รายเดือนแบบเปียวงละ 50,000 บาท โดยมีผู้เล่นทั้งหมด 20 คน จ่ายรายเดือนเดือนละ 2,500 บาท มือแรกจะได้เท้าแชร์ คือน.ส.อนงนุช มือถัดไปใครจะอยากใช้เงินต้องมีการยิงเพื่อสู้ดอกกัน (เปียแชร์) โดยแต่ละเดือนแต่ละคนต้องเปียดอกไม่เกิน 2,500 บาท เมื่อรวมต้นรวมดอกแล้วผู้เปียได้ต้องจ่ายสูงถึงเดือนละ 5,000 บาท
ความแตก
เธออธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนวงของเธอนั้นมีคนเปียไปแล้ว 9 คน จนกระทั่งวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ความก็มาแตก เมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งได้เปียแชร์ได้ (อีกวงหนึ่ง) แล้วท้าวแชร์คือ น.ส.อนงนุช ไม่ได้โอนเงินที่เพื่อนเปียเงินได้ให้ แล้วมีการนำเรื่องมาพูดคุยในไลน์แชร์ และพบว่ามีเพื่อนหลายคนที่ถูกกระทำแบบนี้ จนกระทั่งวันที่ 16 มี.ค. ทางเท้าแชร์ก็ได้ท้าทายว่าอยากได้เงินก็ให้ไปฟ้องร้องเอา ประกอบกับติดต่อเท้าแชร์ไม่ได้ ไม่ยอมออกมาชี้แจง ไม่รับสาย จึงมีการรวมตัวกันฟ้องร้องดำเนินคดีดังกล่าว เพื่อให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่ต้องการให้เท้าแชร์รายนี้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริสุทธิ์รายอื่นอีกต่อไป
“สำหรับแชร์ที่ น.ส.อนงนุช ตั้งขึ้นมาชักชวนพวกตนทั้งหมดเล่นมีหลายวงทั้งแชร์ขั้นบันได-แชร์เปีย-แชร์รายวัน-แชร์ราย 5 วัน-แชร์รายอาทิตย์-แชร์ราย 15 วัน-แชร์ราย20 วัน-แชร์รายเดือน-แชร์ทอง ทั้งหมดมีวงเงินหมุนเวียนนับล้านบาทต่อเดือน โดยผู้เสียหายกับคดีนี้มีผู้เสียหายจากหลายจังหวัด ทั้งจากตรัง ภูเก็ต สงขลา และพังงา เป็นต้น” น.ส.ณัชชา กล่าว
พ.ต.ท.อำพลวัฒน์ แสงเรือง รอง ผกก.สส.สภ.กะทู้ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นตนได้ร่วมสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว พบว่าเท้าแชร์มีความผิด ตามพ.ร.บ.การเล่นแชร์ และความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินอันเป็นการหลอกวงประชาชน หลังจากนี้จะทยอยสอบปากคำทั้งหมด และให้ผู้เสียหายได้นำเอกสารการโอนเงินให้เท้าแชร์ เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาให้พนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนติดตามเท้าแชร์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
