แก๊งคอลเซ็นเตอร์เจอดี! ผกก.สอบสวนซ้อนแผนเผยชื่อพร้อมเลขบัญชี

ภูเก็ต - แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถึงกับปิดเครื่องหนี หลังรู้ตัวว่าถูกจับได้อ้างเป็น ร.ต.อ. – พ.ต.ท. และ พล.ต.ต. เสนอตัวช่วยพ้นถูกปปง.อายัดบัญชี เหตุเอี่ยวส่งพัสดุต้องสงสัยไปต่างประเทศ เจอ พ.ต.อ.(สอบสวน)ตัวจริง ซ้อนแผนขอให้ช่วย ก่อนหลอกเผยชื่อและเลขบัญชี

เอกภพ ทองทับ

วันเสาร์ ที่ 9 ธันวาคม 2560, เวลา 13:13 น.

พ.ต.อ.บุญเลิศไลฟ์สดแฉพฤติกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านเฟซบุ๊ก พี่บัวบัว น้องขิงขิง

พ.ต.อ.บุญเลิศไลฟ์สดแฉพฤติกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านเฟซบุ๊ก พี่บัวบัว น้องขิงขิง

เมื่อเวลา 14.14 น.ของวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่ามา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พี่บัวบัว น้องขิงขิง”ได้แพร่ภาพสด ขณะที่พูดคุยโทรศัพท์โดยระบุข้อความว่า “แก๊ง call center โทรหานายบุญเลิศ อ่อนกลาง” โดยในคลิปแพร่ภาพสดดังกล่าว เป็นภาพขณะที่ พ.ต.อ.บุญเลิศ อ่อนกลาง ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 กำลังสนทนา กับคู่สายซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ อ้างว่าเป็น รองผู้บังคับการตำรวจ(ไม่บอกสังกัด) ทำทีจะให้การช่วยเหลือหลังแจ้งว่านายบุญเลิศ อ่อนกลาง (พ.ต.อ.บุญเลิศ) ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการส่งพัสดุไปต่างประเทศให้หญิงสาวรายหนึ่ง ก่อนถูกพบว่าภายในกล่องพัสดุมีเงินและสมุดธนาคารต้องสงสัยก่อนส่งให้ ปปง.และธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบเส้นทางทางการเงินแล้วพบว่าอาจต้องถูกอายัติเงินทั้งหมด

จึงเสนอช่วยเหลือด้วยการให้ถอนเงินในบัญชีส่ง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบก่อน หากตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะโอนคืนกลับเข้ามาในบัญชีของนายบุญเลิศ (พ.ต.อ.บุญเลิศ)ในภายหลัง แต่พ.ต.อ.บุญเลิศ ที่พบพิรุธตั้งแต่แรกได้ทำการซ้อนแผนทำตามอย่างใจเย็น กระทั่งทราบชื่อและเลขบัญชีของผู้ที่ให้โอนเงินให้ ก่อนเฉลยในภายหลังว่าตนเองได้ซ้อนแผนหลอกจนกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ต้องวางสายหนีไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.บุญเลิศ พร้อมเล่าว่า เมื่อช่วงบ่ายวันเกิดเหตุได้มีเบอร์โทรศัพท์ซึ่งมีลักษณะเป็นหมายเลขต่างประเทศโทรเข้ามาหา โดยปลายสายมีเสียงเป็นผู้ชาย(คนแรก) สนทนาทำทีหลอกถามชื่อนามสกุลเพื่อจะตรวจสอบว่ามีการส่งพัสดุไปต่างประเทศหรือไม่ ตนเองจึงบอกชื่อสกุลไป ซึ่งปลายสายระบุว่าได้ทำการค้นหาพบว่า ตนเองได้มีการส่งพัสดุไปหาหญิงไทยคนหนึ่ง ในต่างประเทศ ทราบชื่อคือ นางวิไล จันทรวงษ์ โดยพัสดุดังกล่าวได้มีการตรวจสอบแล้วว่าภายในมีเงินสด 1 แสนบาทและสมุดบัญชีธนาคารของธนาคารกรุงเทพฯ จึงส่งให้ปปง.และธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบ ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธ แต่ปลายสายระบุจะให้ผู้เกี่ยวข้องโทรเข้ามาอีกครั้ง

จากนั้น ได้มีเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุเลขหมาย 055 - 368 114 โทรเข้ามาระบุว่าเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ร.ต.อ.(คนที่ 2)ซึ่งเป็นรองสารวัตรของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ก่อนแจ้งว่าได้รับการประสานจากปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งคาดว่าต้องอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องและยึดเงินในบัญชี ซึ่ง พ.ต.อ.บุญเลิศบอกว่าตนเองทำไร่ทำนาไม่เคยส่งของไปต่างประเทศ ทาง ร.ต.อ.เก๊คนดังกล่าวระบุว่าดังนั้นมีแนวทาง 2 ทาง คือ 1. ส่งฟ้องนายบุญเลิศ (พ.ต.อ.บุญเลิศ)ร่วมกับนางวิไล จันทรวงษ์ และ 2.คือการช่วยเหลือแต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ก่อนโอนสายส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ ยศ พ.ต.ท. (คนที่ 3 )ซึ่งเป็น สารวัตรเก๊อีกราย ซึ่งมีเสียงคล้ายกันเป็นผู้สนทนากับตนเองต่อ

สารวัตรเก๊คนดังกล่าวได้บอกกับตนเองว่า อาจจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารปล่อยข้อมูลส่วนตัวของตนไปให้กลุ่มมิจฉาชีพ ก่อนจะถามที่อยู่เพื่อตรวจสอบ ตนจึงบอกบ้านเลขที่บ้านเกิดที่จ .นครราชสีมา ไปให้ตรวจสอบ ก่อนจะบอกไปว่าตนเองไม่มีบัญชีธนาคารกรุงเทพตามที่แจ้งมีเพียงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. สาขาจ.นครราชสีมาเท่านั้น โดยมีเงินถูกโอนเข้ามาเพราะกู้เงินมาซื้ออุปกรณ์การเกษตรเป็นเงินประมาณ 4 แสนบาท โดยได้ใช้จ่ายไปแล้ว 1 แสนเหลืออีกประมาณ 3 แสนบาท

ทางสารวัตรเก๊จึงระบุว่าถ้าไม่อยากถูกอายัติก็ต้องให้บุคคลที่มียศและอำนาจมากกว่าเป็นผู้ช่วยเหลือ จึงโอนสายไปยังบุคคลที่ 4 ซึ่งระบุว่าเป็นรองผู้บังคับการฯ ตนเองพยายามสอบถามยศ กลับระบุว่าเป็น พล.ต.ต. ทั้งที่ความจริงควรจะเป็น พ.ต.อ. จากนั้นตนเองจึงได้ให้แฟนสาวเปิดไลฟ์สดเพื่อบันทึกการสนทนาไว้ก่อนทำทีกลัวบัญชีถูกอายัดและเสนอจะทำตามที่ รองผู้บังคับการฯเก๊สั่ง โดยรองผู้บังคับการฯ เก๊ระบุว่าจะต้องถอนเงินออกมาและนำส่งกลับไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบตัวเลขของเงินก่อน หากตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะโอนคืนกลับเข้ามาในบัญชีตน

โดยนายบุญเลิศ (พ.ต.อ.บุญเลิศ) ได้ทำทีเป็นกลัวจะถูกอายัติบัญชีทั้งหมด และพยายามทำตามที่รองผู้บัญชาการเก๊พูด เพื่อหลอกให้เผยเลขบัญชีหรือข้อมูลที่จะสามารถสาวไปถึงตัวได้ จึงตอบกลับไปว่า ยินดีที่จะถอนเงินออกมาแต่ ตนไม่ได้นำสมุดบัญชีติดตัวมาเพราะแค่ออกมาซื้อของ หากกลับบ้านในวันนี้คงไม่ทันเพราะเหลือเวลาไม่นาน จึงไม่สามารถถอนเงินจำนวน 3 แสนได้ แต่สามารถเอาบัตรเอทีเอ็มมากดเงินออกมาได้จำนวน 2 แสนบาท

รองผู้บังคับการฯ เก๊จึงให้ตนเองไปกดเงิน ตนเองจึงทำทีว่าไปกดเงินมาแล้ว จึงถามกลับว่าจะให้ทำอย่างไร ซึ่งระหว่างนั้นรองผู้บังคับการฯ เก๊ก็เหมือนลังเลว่าจะจัดการกับเงินยังไง ก่อนสอบถามว่าตู้เอทีเอ็มสามารถฝากเงินได้หรือไม่ ตนเองจึงตอบไปว่าเป็นธนาคารสาขาต่างจังหวัดไม่มีตู้เงินฝาก ต้องนำฝากกับเจ้าหน้าที่อย่างเดียว โดยมีเวลาประมาณ 20 นาทีก่อนธนาคารจะปิด รองผู้บังคับการฯ เก๊ก็คิดอยู่พักใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกชื่อและบัญชีธนาคาร ซึ่งรองผู้บังคับการฯเก๊บอกตนเองว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นรหัสตรวจสอบ และให้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าเอาเงินเข้าตามรหัสตรวจสอบ ซึ่งตนรู้แล้วว่าเป็นเลขบัญชีธนาคาร เพราะมีตัวเลข 10 หลัก จึงจดบันทึกไว้ก่อนจะเฉลยให้ รองผู้บังคับการฯเก๊ทราบว่าตนเองรู้ทัน ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับรองผู้บังคับการฯเก๊เป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะตัดการสนทนาไปในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.บุญเลิศ กล่าวว่าตนเองอยู่ระหว่างเดินทางกลับไปทำบุญให้ผู้ที่ล่วงลับที่ต่างจังหวัดจึงไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี หรือตรวจสอบเลขบัญชีที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ใช้รับโอนเงิน แต่ได้ส่งหมาย เลขโทรศัพท์ให้จนท.ชุดสืบสวนตร.ภาค 8 ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นเลขหมายที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเลขหมายที่จงใจทำขึ้นเพื่อใช้หลอกลวงโดยเฉพาะ ทั้งนี้ จะเร่งส่งชื่อและหมายเลขบัญชีที่ได้ไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะไม่ขอเปิดเผยเพราะไม่แน่ชัดว่า เป็นการรับจ้างเปิดบัญชีเหมือนที่เคยปรากฏอีกหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยากให้เป็นกรณีศึกษาของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งเตือนพี่น้องประชาชนคนไทย ให้มีสติในการพูดคุยสนทนา อย่าหลงเชื่อง่ายๆ หากไม่มั่นใจให้ปรึกษาคนใกล้ชิดหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีก่อนตัดสินใจ พ.ต.อ.บุญเลิศ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่