ทางด้าน ส.ต.ท.นิพล ได้ปฏิเสธการให้ข้อมูลกับ ข่าวภูเก็ต ซึ่งกล่าวเพียงแค่ให้ติดต่อกับหัวหน้างานโดยตรง
พ.ต.ท.เอกรัตน์ พลายด้วง สวป.หัวหน้างานจราจร สภ.ป่าตอง กล่าวว่า “เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่จราจร สภ.ป่าตองได้ปฏิบัติงานออกตรวจพื้นที่จุดจอดสี่แยกโลมาตามปกติ และพบแท็กซี่คันดังกล่าวได้จอดซ้อนคันอยู่ จึงได้แจ้งให้เคลื่อนย้ายรถออก และขับรถออกไป”
“จากนั้นไม่นานเมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถกลับมาอีกครั้ง คนขับแท็กซี่คนดังกล่าวจึงได้โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่ให้จอด และมีปากเสียงกันขึ้นมา ว่าเพราะเหตุใดจึงจ้องแต่จะจับกุมแท็กซี่ ทำไมไม่จับโจร”
“ทั้งนี้ ทางคนขับได้เข้ามาขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ส่วนตัวไม่ได้ติดใจเอาความอะไร” พ.ต.ท.เอกรัตน์ กล่าว
พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.สภ.ป่าตอง กล่าวว่า “เหตุการณ์มีปากเสียงระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ประกอบการรถรับจ้างสาธารณะที่ป่าตองนั้นเกิดขึ้นทุกวัน แต่ทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ เมื่อพบการจอดที่ผิดก็ต้องเรียกตักเตือนเป็นธรรมดา แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีนโยบายยุบจุดจอดในพื้นที่จอดสาธารณะให้เหลือน้อยลงจึงเกิดปัญหาที่จอดรถสำหรับผู้ประกอบการไม่พอเพียง ทางผู้ประกอบการจึงอาจจะเกิดการไม่พอใจกันบ้างเป็นธรรมดา กอรปกับอากาศร้อนจึงอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันได้”
“ผมเองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น เข้าใจเขาเข้าใจเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด” พ.ต.อ.ทัศนัย กล่าว
ทางด้าน พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.ร.25 และหัวหน้าชุดรักษาความสงบ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า “เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่จราจรได้ปฏิบัติงานตามระเบียบและหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทั้งนี้ทางทหารต้องจำเป็นต้องเรียกคนขับแท็กซี่ดังกล่าวเข้าพบเพื่อเจรจาและปรับทัศนคติ และเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเผยแพร่คลิปลงในเฟซบุ๊ก ผู้เผยแพร่ก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงเช่นกัน”
“ทางทหารได้ให้กำลังใจกับตำรวจจราจรทั้งสองนายอย่างเต็มที่เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับ”
นายทินกร จอมเมือง ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถรับจ้างสาธารณะเมืองป่าตอง ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า “ยอมรับว่าบุคคลที่ปรากฎในคลิปที่ได้ถูกเผยแพร่ไปในโซเชียลนั้นเป็นคนขับแท็กซี่ประจำจุดจอดสี่แยกโลมาจริง และได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับเจ้าหน้าที่จริง ซึ่งต้องยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการใช้คำพูดและการใช้อารมณ์ที่ไม่เหมาะสม ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้ทำลงไปเนื่องจากโมโหจนขาดสติจริงๆ”
“ทางกลุ่มฯมิได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าตัวได้ติดต่อขอเจรจาขอโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นแล้ว ทั้งนี้เจ้าตัว ผมและผู้ประกอบการคนอื่นๆได้นัดหมายเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจราจร ทหารและส.ต.ท.นิพลถึงเรื่องดังกล่าวและเพื่อขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันนี้”
“ที่ผ่านมาผมได้กำชับให้สมาชิกกลุ่มฯประพฤติตนให้เหมาะสม เคารพกฎหมายบ้านเมืองมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เกิดความขาดสติจริงๆ ซึ่งในนามกลุ่มเองต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย” นายทินกร กล่าว
