จากนั้นในช่วงบ่ายวานนี้ (20 ต.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุบนถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ซึ่งได้เกิดเหตุจากเส้นทางสามแยกศาลากลางหลังใหม่ และแท็กซี่คันดังกล่าวได้วิ่งปวดรถผู้เสียหายจนถึงสามแยกท่าแครง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต จากนั้นโชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวได้ลงจากรถและมาต่อว่าผู้เสียหาย
โดยนายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายเล่าว่าประมาณตี 1 กว่า ๆ ตนออกไปกินข้าวกับแฟน ระหว่างทางกลับใกล้จะถึงที่พักแล้ว แล้วมีแท็กซี่คันหนึ่งบีบแตรยาวรัวอยู่ด้านหลัง มองไปเห็นรถคันหนึ่งจ่ออยู่ด้านหลังและบีบแตรไม่หยุด ข้างหน้าตนเป็นสามแยกไฟแดงและกำลังจะเป็นไฟแดง เขาก็แซงขวาและปาดหน้า รถจังหวะแซงกันก็เลยบีบแตรใส่เขา เพราะว่าทำแบบนี้อันตรายและเขาไม่เข้าใจเขาก็จอดรถข้างหน้าตามในคลิป
“เขาจอดแบบตั้งใจหาเรื่องแน่นอน ท่าไม่ดีแล้ว เขาเดินลงมาท่าทางเกรี้ยวกราด ไม่รู้เขาไปโกรธใครมาหรืออารมณ์เสียจากที่อื่นมา ตนขับของตนมาดี ๆ ช่วงนั้นฝนตกด้วย ไม่ได้เร็วไม่ได้ช้ามาก ขับปกติ แล้วก็คุยกับแฟนตลอดจนจะถึงห้องพัก เขาปรี่เข้ามาหาเรื่องตามในคลิป ตนก็ถามแฟนว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า เราไม่ได้มีไปมีปัญหาอะไรกับเขา ไม่รู้จักกับเขามาก่อน เขาก็ลงมาด่าเกรี้ยวกราด เขาด่าเป็นภาษาใต้ มันก็ช็อคอยู่แป๊บหนึ่ง จังหวะนั้นแฟนหยิบโทรศัพท์มาจะถ่ายเขา แต่ถ่ายไม่ทันไม่รู้ว่าเขาเห็นโทรศัพท์หรือเปล่า เขาก็เลยกลับไปที่รถ ถ้าเขาไม่เห็นแฟนตนถือโทรศัพท์ ตนก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะบานปลายไปหรือเปล่าเรากลัวเขามาทำลายรถทรัพย์สิน ท่าทางการจอดอะไรแบบนี้เขาจอดห่างกลัวเขาถอยมาชนรถด้วย ตนคิดไปเองเพราะท่าทางเขาไม่ปกติ เพราะการปาดหน้าการจอดมันก็เตรียมแล้วว่าถ้าเขาถอยมา ตนถอยแน่ เพราะตอนกลัวทรัพย์สินเสียหายบานปลายไปกว่านี้”
อย่างไรก็ตาม นายเอเล่าว่าใรส่วนของคดีความ คนไม่ได้แจ้งความ เพราะเหตุเกิดเมื่อคืนประมาณตี 2 และเขายังไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ไม่รู้เขาเห็นเราถือโทรศัพท์ด้วยหรือเปล่าเขาก็เลยไปยังไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหาย แต่ถ้ามีเขามาทำร้ายร่างกายตนก็อาจจะแจ้งความตั้งแต่เมื่อคืน
“อยากฝากให้ขับรถใจเย็น มีมารยาทในการขับรถ เคารพคนขับรถคนอื่นด้วย เราใช้ถนนสาธารณะร่วมกัน เราต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน คุณจะมาขับรถคือไม่มีมารยาทในการขับรถบีบแตรยาว ๆ เป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทในการขับรถ” เขากล่าว