ซึ่งขณะเกิดเหตุพื้นห้องครัวได้มีการล้างทำความสะอาดพื้น ส่วนผู้เสียชีวิตกำลังยืนทอดอาหารอยู่ จากนั้นพยานได้ยินเสียงผู้เสียชีวิตร้องกรี๊ด จึงหันไปได้เห็นผู้เสียชีวิตยืนชักอยู่แล้วล้มลงคางฟาดกับโต๊ะครัวล้มฟุบแน่นิ่งไป ทางตำรวจได้ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คราบเลือด หรือร่องรอยไหม้ บริเวณจุดเกิดเหตุมีอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชนิด คือ ตู้เย็นและหม้อหุงข้าว ได้ทำหนังสือให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอถลาง ร่วมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้แล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบภาพวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุตรงตามที่พยานแจ้ง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต
ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. นายแพทย์ตุลย วิชญ์วรรณศรี แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้รายงาน ผลการชันสูตร ผู้เสียชีวิต รายงานสาเหตุการเสียชีวิตว่า “หลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจแข็งและตีบ” พนักงานสอบสวนจึงได้โทรสอบถามแพทย์ถึงสาเหตุการณ์เสียชีวิต แพทย์แจ้งว่าบนร่างของผู้เสียชีวิตไม่มีร่องรอยการถูกไฟฟ้าช็อต ไม่พบร่องรอยบาดแผลที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ และการถูกไฟฟ้าช็อตไม่สามารถเป็นเหตุให้เกิดอาการหลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจแข็งและตีบได้ สาเหตุเกิดจากไขมันอุดตันในกระแสเลือดจะได้เร่งรัดติดตามรอรายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอถลาง เพื่อประกอบการสอบสวนต่อไป
ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. เวลา 12.30 น. ตัวแทนของโรงแรม และนาย อิทธิเดช อินทร์จักร บิดาของผู้เสียชีวิตได้มาเจรจา เรื่องการมอบเงินเยียวยาที่ สภ.เชิงทะเล โดยเสนอมอบเงินเยียวยาประกอบด้วยเงินสวัสดิการในกรณีที่พนักงานเสียชีวิต จำนวน 8,000บาท, เงินเยียวยาจากคณะผู้บริหารจำนวน 60,000 บาท และเงินร่วมทำบุญจำนวน 12,100 บาท ด้านบิดาของผู้เสียชีวิตติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรสาว ไม่ประสงค์รับเงินเยียวยาใด ๆ จากทางโรงแรมฯขอรับเฉพาะเงินทำบุญจำนวน 12,100 บาทและในส่วนสวัสดิการอยู่ระหว่างการเบิกจาก สนง.ประกันสังคม
ล่าสุดบ่ายวันนี้ (9 ส.ค.) พ่อแม่ของผู้ตาย พร้อมด้วยบรรดาญาติ จำนวน 14 คน ได้เดินทางมาจากอำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยรถตู้และรถกระบะบรรทุกโลงศพ 1 ใบ เพื่อมาประท้วงขอความเป็นธรรมให้กับ น.ส.น้ำผู้เสียชีวิต
ต่อมา พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.ธงชัย มติธรรม รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เชิงทะเล รักษาการแทน ผกก.สภ.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต ได้เชิญ เชิญตัว นายอิทธิเดช อินทร์จักร์ อายุ 54 ปี (พ่อ) นาง ธัญชนก อินทร์จักร์ อายุ 44 ปี (แม่) พร้อมญาติของผู้เสียชีวิตจำนวน 14 คน พร้อมด้วย ตัวแทน ของโรงแรม เข้าประชุมที่ศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เชิงทะเล เพื่อเข้ารับฟังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
พล.ต.ต.สินเลิศ กล่าวว่า วันนี้มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ตนเชื่อว่าทางผู้เสียหายเข้าใจว่าทางตำรวจไม่ได้เอนเอียง วันนี้ถ้าสามารถตกลงกันได้ก็ขอให้ตกลงกัน แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะมีคำแนะนำว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ขอให้เชื่อมั่นทางด้านคดียังดำเนินการต่อไป และสิทธิ์ของผู้เสียหายมีอะไรบ้าง วันนี้ได้เชิญนายธนพงศ์ อรชร สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ตมาด้วย ซึ่งผลของแพทย์ออกมาทางตำรวจก็ได้มีการออกหมายเรียกกับทางโรงแรม ซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์กันว่าเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่อย่างไร
เบื้องต้นฝั่งผู้เสียหายได้เสนอไป 4.8 ล้านบาท แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากตัวแทนของทางโรงแรม ต้องนำเรื่องไปเสนอผู้บริหารชั้นสูงอีกครั้ง จึงนัดเจอกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) ด้านญาติผู้ตายเปิดโอกาสให้ทางโรงแรมประสานกับทางผู้บริหารก่อน เนื่องจากทุกครั้งที่ผ่านมาได้เพียงแต่เจรจากันผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น
ทางด้านนายทนงค์ แซ่จิ้ว ทนายความของคดีนี้ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตอายุเพียง 26 ยังมีโอกาสทำงานเลี้ยงดูครอบครัวอีกมาก ซึ่งตัวเลขที่เรียกร้องไปก็คิดว่าเหมาะสมไม่ได้หนักหนาจนเกินไป
“จนถึงวันนี้เอกสารที่ยืนยันการตายของน้องว่าถูกไฟดูดที่เราดำเนินการเองล้วน ๆ ที่เราต้องต่อสู้กับอิทธิพลของโรงแรม วัตถุพยานที่สำคัญคือตู้แช่เย็น เคยเรียกร้องของโรงแรมว่าให้นำตู้เย็นมาไว้ที่โรงพักให้เป็นการดูแลของพนักงานสอบสวน แต่โรงแรมปฏิเสธมาตลอด ส่วนหม้อหุงข้าวที่เป็นวัตถุพยานอีกชิ้นหนึ่งที่มีส่วนสำคัญกลับสูญหายไป เราไม่เชื่อว่าตู้เย็นตัวนี้จะอยู่กับโรงแรมอีก ต้องสูญหายแน่นอน แต่ทางโรงแรมก็ยังปฏิเสธ” นายทนงค์ กล่าว
“ทางเราไม่กล้าคาดหวัง เพราะตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาเราคาดหวังมาตลอด เราอยากจะได้ความจริงใจจากทางโรงแรมในการแก้ปัญหา อยากได้ความรู้สึกจากโรงแรม ว่าน้องเป็นครอบครัวหนึ่งของโรงแรม อยากเห็นคุณธรรมจริยธรรมของโรงแรม แต่ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาเราก็ไม่เห็นเลย และพรุ่งนี้เราก็ไม่คาดหวัง เราคาดหวังแค่ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนเร่งรัดในการสอบสวนของโรงแรมให้ทันต่อเหตุการณ์”