โจ๋ภูเก็ตเหิมเกริม พกปืน-มีดบุกถึงบ้านอริ แต่คู่อริไม่ออกมา

ภูเก็ต - จากกรณีเพจแฉยับ ภูเก็ต แชร์กล้องวงจรปิดความยาว 1 นาที พร้อมระบุข้อความว่า นี้หรอเมืองท่องเที่ยวระดับโลก!! ขู่ฆ่ายิงปืนอวดศักดา รายวัน อาวุธปืนเกลื่อนเมืองภูเก็ต ชาวบ้านขอความช่วยเหลือ มีชายฉกรรจ์ ไม่ทราบจำนวนถืออาวุธครบมือบุกถึงบ้าน พื้นที่รัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต อย่าให้ต้องมีคนเจ็บคนตายก่อนนะครับจึงจะลงมือ #ที่นี่ภูเก็ต

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 10 มีนาคม 2568, เวลา 13:53 น.

ตามกล้องวงจรปิดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 68 เวลา 04.40 น. มีขับรถยนต์ยี่ห้อฟอร์จูนเนอร์และจักรยานยนต์ มาเวียนแล้วตะโกนเรียก ตะโกนบอกให้ออกมาออกมา แต่ก็ไม่มีใครออกมา โดยมาด้วยกัน 8คน

ต่อมาเวลา 05.05 น. วันเดียวกัน (9 มี.ค.68) รอบสองมีวัยรุ่นชายสองคนขี่จักรยานยันมาและคนหนึ่งเดินลงไปเรียกคนที่อยู่ในบ้าน จากนั้นเดินมาอีกคนนึงในมือถือคล้ายมืดมาด้วย ต่อมามีชายสองคนเดินมา คนหนึ่งถือปืนทั้งหมดเดินวนเวียนบริเวณหน้าบ้านและตะโกนเรียกชื่อคนที่อยู่ภายในบ้านแต่ไม่มีใครออกมา รวมทั้งหมด 5 คน หลังจากยืนเรียกอยู่นานไม่มีใครออกมาก็ได้ขับรถกันออกไปแต่วกกลับมาอีกครั้งแล้วก็ขี่กันออกไป

หลังแชร์ออกไปมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ เช่น จ่ายแค่2500 ใครๆก็พกกัน, กล้องก็มี มีปืนทุกคน ของจิงมากครับผม, ไปกินหนมในเรือนจำตะ555, ยิงเลย, ถ้าแบบนี้เรายิงสวนออกไปจะผิดมั้ยครับ เป็นต้น

จากการสอบถามทราบว่า น.ส.เจ นามสมมติ อายุ 23 ปีมาพบ ร.ต.ท.ณัฐนนท์ ศรีเลิศ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ตเพื่อแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้น้องชายของข้าพเจ้าคือเด็กชายซี (นามสมมติ) ได้มีปัญหากับคู่กรณีชื่อเล่นว่าธี (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. เวลา 04.40 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนประมาณ 8 คนขับรถยนต์ยี่ห้อฟอร์จูนเนอร์ ไม่ทราบแผนป้ายทะเบียนและรถจักรยานยนต์ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนมายังบริเวณหน้าบริเวณท่าเรือรัษฎา หมู่ 7 โดยกลุ่มคนดังกล่าวได้มีการนำพาอาวุธเช่นอาวุธปืนและมีดดาบมายังหน้าบ้านที่ตนอาศัยอยู่ และมีพฤติกรรมข่มขู่เรียกจะทำร้ายร่างกาย และเรียกให้ตนและน้องของตนออกมาจากบ้าน ซึ่งขณะเกิดเหตุตนอาศัยอยู่ในบ้านกับน้องชาย และผู้ปกครองเกรงว่าหากออกไปจะเกิดอันตรายได้ จึงหลบอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 5-10 นาที นับแต่ที่กลุ่มคนดังกล่าวมาถึงกลุ่มคนดังกล่าวก็ได้กลับออกไป ตนเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่อันตราย มีการพกพาอาวุธมาใช้ในการข่มขู่ ตนจึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

ทั้งนี้ น.ส.เจ เล่าว่าก่อนมาแจ้งความตนได้สอบถาม ด.ช.ซี น้องชายของตน แล้วได้ความว่าน้องชายของตนไปมองหน้า และทำให้เกิดการเข้าใจผิดการเท่านั้นไม่ได้มีมูลเหตุอื่นใด



 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่