“ลูกฉันเป็นคนดี” แม่หนุ่มอังกฤษร้องสื่อลูกชายถูกยัดยาที่สนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต – ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต โต้กรณีแม่ของชายสัญชาติบริติชร้องสื่อ โดยอ้างว่าครอบครัวของเธอเหมือนตกนรกเมื่อได้รับโทรศัพท์จากลูกชาย ว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมตัวที่สนามบินภูเก็ต หลังจากพบถุงโคเคนในหนังสือเดินทางของเขา และเธอได้ออกคำเตือนอย่างรุนแรงต่อผู้ที่เดินทางไปประเทศไทย

ณัฏฐ์นรี ลิขิตวัฒนสกุล

วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม 2568, เวลา 09:00 น.

วันนี้ (30 พ.ค. 68) พ.ต.อ.หญิง รัสรินทร์ ธีรพัฒน์ธนากูล ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต เปิดเผยกับ The Phuket News ว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายทำงานตามอำนาจหน้าที่และพร้อมให้ทางครอบครัวผู้ต้องหาตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่ถูกจับกุมตัว หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า มิเชล สเวน อายุ 57 ปี บอกกับ MailOnline ว่า การจับกุมในครั้งนี้ลูกชายของเธอถูกจัดฉาก ‘ยัดยา’ โดยเจ้าหน้าที่ของไทย

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตม.สนามบินภูเก็ต ร่วมกับ สภ.สาคู ได้จับกุมชายสัญชาติบริติชซุกซ่อนโคเคนในพาสปอร์ตขณะเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต โดยในการรายงานของเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อหรือใบหน้าของผู้ต้องหาแต่อย่างใด

เมื่อปีที่แล้ว เจมี หลุยส์ สเวน ในวัย 29 ปี จากสตีเวนิจ ในอังกฤษ สหราชอาณาจักร วางแผนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับพี่ชายในเดือนพฤษภาคม แต่เวลาที่ควรจะเป็นวันหยุดพักผ่อนกลับกลายเป็นฝันร้ายสำหรับเจมีและครอบครัว เมื่อสองพี่น้องลงจอดที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เจมีถูกเรียกตัวออกไปด้านข้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสังเกตเห็นถุงพลาสติกขนาดเล็กที่มีผงสีขาวอยู่ในหนังสือเดินทางของเขา

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เจมีเริ่มด่าทอและตัวสั่น ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม เขาถูกจับกุมหลังจากเจ้าหน้าที่สแกนสัมภาระของเขาและทดสอบสารที่พบในหนังสือเดินทางของเขาและยืนยันว่าเป็นโคเคนน้ำหนัก 0.42 กรัม

มีรายงานว่าเขาอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี แต่หลังจากการพิจารณาคดีในเดือนกรกฎาคม เขาถูกเนรเทศกลับสหราชอาณาจักร เขาไม่ต้องถูกคุมขัง แต่ถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 50,000 บาท (ประมาณ 1,137 ปอนด์)

สเวนให้สัมภาษณ์กับ MailOnline โดยอ้างว่าเป็นการจัดฉาก เธอกล่าวว่า เธอไม่ได้ไร้เดียงสา เธอมีลูกชายสามคนเธอรู้จักพวกเขาดีและรู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ แต่การที่ต้องผ่านสนามบินสองแห่งและจู่ ๆ ก็เกิดมีถุงนี้ขึ้นมา และลูกชายเธอก็ต้องเอาพาสปอร์ตออกมาตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นอะไรที่แปลกมาก

เธอเล่าว่าลูกชายของเธอถูกกักขังใน “ห้องขัง” ประมาณสองวันก่อนจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เธอบินไปภูเก็ตในคืนเดียวกับที่เขาถูกคุมขัง และบอกว่าประสบการณ์ “เลวร้าย” ทำให้เธอกังวลว่าเขาจะถูกจำคุกในเรือนจำต่างประเทศ

แม่ลูกสามกล่าวว่า “เขาบอกว่าไม่ได้ดื่มน้ำ ไม่มีกินอาหาร ไม่มีอะไรเลย เขาอยู่ที่นั่นประมาณสองวันแล้วจึงได้รับการประกันตัว ไม่ใช่จำนวนเงินประกันตัวที่สูง เขาต้องอยู่ที่นั่น [ในภูเก็ต] อย่างน้อยสามเดือน เจ้าหน้าที่ไม่ยอมปล่อยเขาไป เขามีนัดขึ้นศาลในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมและถูกสั่งปรับ”

หลังจากมีรายงานข่าวดังกล่าว พ.ต.อ.หญิง รัสรินทร์ ยืนยันกับ The Phuket News ว่า แม้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่เธอมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายทำตามหน้าที่และขั้นตอนของกฎหมาย และยืนยันว่าจะไม่มีการอ่อนข้อหรือให้ความสำคัญกับข่าวในกรณีดังกล่าว และหากทางครอบครัวของผู้ต้องหายังข้องคงใจก็ยินดีให้เปิดกล้องวงจรปิดในวันที่ทำการจับกุมได้

“ในยุคนั้นเราจะเจอคนที่เสพยาและลืมไว้ในพาสปอร์ตกันเยอะ มีนิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งใช้เสพ ไม่ได้ขาย เพราะตอนจับเราไม่ได้เจอในกระเป๋า เราเจอมันติดอยู่กับตัวเขาเลยก็คือที่พาสปอร์ต” ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต กล่าว

“เวลาพนักงานของเราตรวจก็จะกรีดตรวจทีละหน้าเลย ซึ่งปกติเวลาเราตรวจออกมาเเล้ว ถ้าคนที่โดนตรวจเขาไม่สบายใจที่ตรวจเจอออกมา หรือค้านสิ่งที่เราเจอ เราก็จะไล่กล้องวงจรปิดให้เลยตั้งเเต่ลงเครื่องบินมา หรือตั้งเเต่เข้าสนามบินมาว่าได้เจอกับใคร ใครส่งให้ไหม หรือเพื่อโต้แย้งกรณีที่คุณว่าอาจจะมีการยัดยาไหม เพื่อไขข้อสงสัยว่าฝั่งเรากระทำการยัดข้อหาใส่ ซึ่งกรณีส่วนใหญ่เขาสารภาพตรงนั้นอยู่เเล้ว เราจึงสามารถดำเนินคดีได้ และที่ตรงนั้นก็มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเป็นพยานอยู่ด้วยในหลาย ๆ หน่วย ทั้งการท่าฯ และ ตม.” พ.ต.อ.หญิง รัสรินทร์ อธิบาย

“พอกลับบ้านไปเขาอาจจะร้องไห้กับเเม่พูดอีกเเบบหนึ่ง เเต่มองในทางกลับกันพนักงานของเราก็ทำตามหน้าที่ และเราเองก็เสียหายที่โดนกล่าวหาว่ายัดยานักท่องเที่ยว ทั้งที่เราไม่ได้ทำและยืนยันความบริสุทธิ์ได้”

“เราจะไปดิ้นตามข่าวของเขาไม่ไหว เราสู้ตามความถูกต้อง เจ้าหน้าที่ทำงานควรได้รับคำชม ไม่ใช่มานั่งเครียดว่า ต่อไปไม่จับยาได้ไหม จับไปแล้วโดนร้อง ปล่อยให้คนมาเสพยาที่บ้านภูเก็ตแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกนายทำงานตามอำนาจหน้าที่และทำเต็มที่แล้ว บางทีการสอบก็ต้องสอบในสิ่งที่สมเหตุสมผล หรือรับคำร้องในสิ่งที่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้”

และในช่วงท้าย พ.ต.อ.หญิง รัสรินทร์ ก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ในการเข้ามาทำงานในเเต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องผ่านเครื่องเเสกน ต้องถอดเข็มขัด ต้องผ่านการตรวจที่เข้มงวด ก่อนจะเข้าทำงาน

“เราไม่สามารถหายามาพกและถือติดตัวไว้ได้ และนี่เป็นอะไรที่ยากมาก ที่เจ้าหน้าที่จะสามารถพกพายาเสพติดผ่านสายตาไม่รู้กี่คนเข้าเครื่องเเสกนมาทำงาน เราจึงอยากยืนยันความบริสุทธิ์ใจของเรา และถ้ามีข้อสงสัยเราไล่กล้องดูกันได้ พร้อมเปิดอยู่เเล้ว” ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต เน้นย้ำ


 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่