โดยนายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้แทนกรมประมง กับ บริษัท สวนสัตว์ภูเก็ต จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 23/2 หมู่ที่ 3 ซอยป่าหล่าย ต.ฉลอง โดยนายพิชัย สกุลสอน ผู้แทนบริษัทฯ และมีนายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต กับนายจิตต์กร เรืองกูล เจ้าพนักงานประมงอาวุโส ประมงอำเภอเมืองภูเก็ต ลงนามเป็นสักขีพยาน
ภายหลังจากการลงนามบันทึกข้อตกลงแล้ว ได้มีการนำ “เลพัง” ไปฝากเลี้ยงไว้ที่บ่อเลี้ยงของสวนสัตว์ภูเก็ต โดยมีนายนิคม สุขสวัสดิ์ นายท้ายเรือ ส 2 ชุดไกรทองลุ่มแม่น้ำตาปี ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำการจับ “เลพัง” มาจากขุมน้ำสาธารณะดังกล่าว (อ่านเพิ่มเติม คลิก) มาทำหน้าที่ในการนำ “เลพัง” ขึ้นจากบ่อพักฟื้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และนำขึ้นรถไปส่งยังสวนสัตว์ภูเก็ตด้วย
นายไพบูลย์ กล่าวถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงชีววิทยา พฤติกรรมการดำรงชีวิตของจระเข้ลูกผสม, เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ให้กับประชาชนและผู้สนใจทั่วไป ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้ทราบถึงชีววิทยา พฤติกรรมการดำรงชีวิตของจระเข้ลูกผสม, เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียนนักศึกษาที่มาทัศนศึกษาดูงาน อีกทั้งเพื่อหาที่อยู่ที่อาศัยให้กับจระเข้ในการดำรงชีวิตที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตลอดจนเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ต้องการให้จระเข้ตัวดังกล่าวอยู่ในจังหวัดภูเก็ตต่อไป
ทั้งนี้ ได้ตกลงกันในการร่วมส่งเสริม พัฒนา รวบรวมความรู้ด้านจระเข้ เพื่อการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ การอยู่ร่วมกันของจระเข้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยกรมประมงรับผิดชอบตรวจสอบ ติดตาม ให้คำแนะนำในการดูแลจระเข้ให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติการเพาะเลี้ยงจระเข้ที่ดี โดยติดตามตรวจสอบอย่างน้อยทุกๆ2 เดือน หรือตามความจำเป็น ขณะที่สวนสัตว์ภูเก็ต จะเป็นผู้ดูแลจระเข้ลูกผสม หรือน้องเลพัง
ซึ่งได้รับการยืนยันจากกรมประมงหลังจากการตรวจดีเอ็นเอ เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และรับผิดชอบจัดการดูแลสถานที่ให้เหมาะสม มีภูมิทัศน์สวยงามเหมาะสมกับปฏิบัติการเลี้ยงจระเข้ให้เป็นไปตามการปฏิบัติการเลี้ยงจระเข้ที่ดี รวมทั้งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น อาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแล เป็นต้น โดยบันทึกข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายไพบูลย์กล่าว
