โดยหนังสือที่ยื่นผ่าน นายสมปราชญ์ เพื่อที่จะผ่านไปยัง นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีขอขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงในพื้นที่หาดป่าตอง ถึงเวลา 04.00 น. จากปัจจุบันได้กำหนดไว้ที่ 01.00 น. และผ่อนผันให้ได้ถึงเกือบ 03.00 น. หลังเกิดปัญหาร้องเรียนเรื่องส่วยสถานบันเทิงหลายหน่วยงาน
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ตได้รวมตัวกันยื่นหนังสือผ่านจังหวัดภูเก็ตไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อร้องขอขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงออกไป ถึงเวลา 1.00 น. แล้ว (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ภายหลังจาก จังหวัดภูเก็ตบังคับใช้กฎหมายการปิดสถานบริการในเวลา 24.00 น. และสถานบันเทิงในเวลา 01.00 น. (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และได้วอนรัฐบาลเห็นใจเนื่องจากสูญเสียรายได้คืนละมากกว่า 100 ล้านบาท
นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า การยื่นหนังสือดังกล่าวเป็นความพยายามของทางชมรมฯ ที่ต้องการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิง และเป็นการลดช่องว่างที่จะเกิดปัญหาการเรียกรับส่วยของเจ้าหน้าที่ตามที่ได้เคยเกิดขึ้น เนื่องจากการขยายเวลาถึง 04.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ก่อนหน้าที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีคำสั่งให้มีการสำรวจและกำหนดโซนสถานบันเทิง ใน 7 เมืองท่องเที่ยว เพื่อควบคุมและรอขยายเวลาเปิดปิดได้มากกว่าปกติรองรับการท่องเที่ยว แต่ก็อาจจะแค่ 01.00 น. ซึ่งหลังจากกำหนดโซนมาครั้งแรก พบว่าในส่วนของจังหวัดภูเก็ตไม่ครอบคลุม มีบางจุดพื้นที่ที่มีสถานประกอบการอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่มีทั้งใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต ทางชมรมฯ จึงได้มีการยื่นขอขยายโซนเพิ่มเพื่อให้สามารถขออนุญาตสถานบันเทิงให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ฉบับที่ 4 พ.ศ 2547 ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้ขยายโซนเพิ่ม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
แต่ในส่วนของเวลาปิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการควบคู่กันเพราะถึงแม้ว่าจะประกาศโซนเสร็จแต่ก็อาจจะขยายเวลาได้เพียง 01.00 น. ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะอาจจะมีการเสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดเกินเวลาอีก จึงต้องขอขยายเวลาไปถึงเวลา 04.00 น. เพื่อให้เป็นเวลาที่ชัดเจน และหากเป็นไปได้สถานประกอบการ หรือสถานบันเทิงแต่ละประเภทสามารถเปิดปิดในเวลาเดียวกันก็จะทำให้ไม่มีช่องว่างให้เกิดการเรียกเก็บผลประโยชน์ ทั้งนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยอมให้มีการเก็บอัตราภาษีเพิ่มจากภาครัฐแทนการจ่ายส่วย
ดังที่นายวีรวิชญ์ เปิดเผยถึงเรื่องส่วยต่อสาธารณชนแล้วในเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
อย่างไรก็ตามทางชมรมฯ เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ควรจะแก้ปัญหาทั้งระบบ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี, รัฐบาล หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ทุกวันนี้เฉพาะพื้นที่หาดป่าตองมีสถานประกอบการ รวมกว่า 400 แห่ง แบ่งเป็นที่มีใบอนุญาตถูกต้องประมาณ 190 กว่าแห่ง และที่เหลือไม่มีอนุญาต ซึ่งประมาณการณ์รายได้ทั้งหมดประมาณ 25 ล้านบาท ต่อวัน ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินรายได้ที่จะกระจายไปยังทุกสาขาอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจของป่าตอง จังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย นายวีรวิชญ์ กล่าว
