พบจระเข้ที่ถูกจับได้มีอาการซึมเศร้า ไม่กินอาหาร

ภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ลงพื้นที่ติดตามดูอาการจระเข้ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังในพื้นที่เพื่อหาแหล่งที่มาของจระเข้ดังกล่าว วางมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกับพบว่าจระเข้มีอาการซึมเศร้า ไม่กินอาหาร และคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในบ่อซีเมนต์ จนกว่าจะหาแหล่งที่อยู่เหมาะสมต่อไป

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 4 กันยายน 2560, เวลา 15:09 น.

วานนี้ (3 กย.) เวลา 09.30 น. นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงประมงชายฝั่ง บ้านพารา ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง เพื่อติดตามและดูอาการของจระเข้ที่ชุดไล่ล่าเฉพาะกิจ จับได้เมื่อ เวลา 03.30 น.ของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังทีมไล่ล่าปฏิบัติวางแผนงานกว่า 2 วัน 2 คืน (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และนำมาพักไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงประมงชายฝั่ง บ้านพารา ต.ป่าคลอก (อ่านเพิ่มเติม คลิก)  โดยมีนายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ

ภายหลังจากที่ได้ติดตามดูอาการของจระเข้ที่อยู่ในบ่อซีเมนต์ ขนาดใหญ่ ที่ ศูนย์วิจัยฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า จากข้อมูลเบื้องต้นของประมงจังหวัดยืนยันชัดเจนว่าจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้น้ำเค็ม เพศผู้ ความยาว 3 เมตร

สำหรับแนวทางในการดำเนินการต่อไปนั้น ทางประมงจังหวัดฯ จะได้ทำหนังสือถึงกรมประมงเพื่อให้ตัดสินใจว่าจะมอบจระเข้ให้กับหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบและดูแลเนื่องจากการเลี้ยงจระเข้จะต้องมีศักยภาพ มีความพร้อม และเป็นไปตามธรรมชาติให้มากที่สุด

“จากสภาพของจระเข้ ที่มีอาการซึมเศร้า เนื่องจากปกติจระเข้จะอยู่ในน้ำและชายฝั่ง เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ในระหว่างนี้จึงอาจจะมีอาการซึมเศร้า ไม่กินอาหาร คงต้องใช้เวลาในการปรับตัว” นายนรภัทร กล่าว

ทั้งนี้ พ่อเมืองได้ย้ำว่าทางจังหวัดได้เฝ้าระวังและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยการมอบให้ประมงจังหวัดฯ ประสานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางลงมาตรวจสอบ ว่าจระเข้ตัวดังกล่าวมาจากไหน จากแหล่งธรรมชาติหรือมาจากการเลี้ยง

จากนั้นมอบผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบดูให้ชัดเจนโดยเฉพาะในอาณาบริเวณที่พบนั้น มีคนเลี้ยงจระเข้หรือไม่ ซึ่ง เพื่อจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามทางจังหวัดภูเก็ตได้เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกันเรื่องดังกล่าว โดยกำชับกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ช่วยกันเฝ้าระวังสอดส่องดูแลพื้นที่ และตามสถานที่ต่างๆ

และที่สำคัญจะต้องหาต้นเหตุ แหล่งที่มาให้ได้ เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการป้องกันได้อย่างถูกต้องต่อไป และ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเนื่องจาก เป็นเรื่องพี่น้องประชาชนติดตามและให้ความสนใจ

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่