พยัคฆ์ไพร พบเจ้าของบ้านหรูบังวิวอ่าวเสนบุกรุกถือครองลำธารน้ำตกซ้ำ

ภูเก็ต – วานนี้ (12 ก.พ. 61) ศปก.พป (ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ลงพื้นที่ภูเก็ตเทียบพิกัดทางดาวเทียมพบเอกชนบุกรุกที่ดินกว่า 6 ไร่ เป็นพื้นที่อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติและอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวร แต่อยู่ในเขตป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วพบว่าเป็นการกระทำผิดตาม พรบ.ป่าไม้ ก่อนมอบให้ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ดำเนินการนำไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อไป

ข่าวภูเก็ต

วันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561, เวลา 09:44 น.

ศปก.พป (ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม )โดยชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, เทศบาลตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ร่วมบูรณาการเข้าขยายผลดำเนินคดีกลุ่มทุนบุกรุกยึดถือครอบครองลำธารน้ำตก ริมอ่าวเสน จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบพบเกี่ยวข้องกับบ้านพักตากอากาศหรูที่เคยเป็นข่าว (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และที่ถูกทางจังหวัดภูเก็ตระงับการก่อสร้าง (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ศปก.พป. ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.)โดยการอำนวยการของ นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้า ศปก.พป. ร่วมกับ พล.ท.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4กอ.รมน., พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พ.ต.ท.มนตรี บุญโยธิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ,ชุดเจ้าหน้าที่เทศบาลราไวย์, ร่วมบูรณาการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มทุนที่บุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ บริเวณอ่าวเสน ตำบลราไวย์

การปฏิบัติการดังกล่าว นำโดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบบริเวณพิกัดอ่าวเสน จุดที่คณะเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เข้าตรวจสอบเมื่อกลางเดือน ส.ค. ปีที่ผ่านมาภายหลังมีการร้องเรียนถึงการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศ หรูบนโขดหินจนนำสู่การระงับการก่อสร้าง

นายชีวะภาพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบคณะเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบ้านพักตากอากาศหรูหลังดังกล่าวบนภูเขาชัน ตรวจพบมีการก่อสร้างบ้านพักคนงานจำนวน 9 หลังและตรวจพบมีการก่อสร้างถังเก็บน้ำปิดเส้นทางน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาด้านบน ตรวจสอบพบบริเวณต่อเนื่องกันมีการบุกรุกยึดถือครอบครอง มีการทำรั้วปิดล้อมลำธารไว้ โดยมีการปลูกต้นสับปะรดต่อเนื่องขึ้นไปบนภูเขา ตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าตรงพื้นที่ดังกล่าวเป็นลานหินลำธารน้ำขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขาเมื่อสอบถามคณะเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลราไวย์ พบว่าลานหินลำธารน้ำดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนที่ชาวบ้านเคยได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาก่อนในอดีต

และจากการสอบถามผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพัก ได้ความว่าตนเองเป็นคนงานของนายศุภชัย บุญหนา เจ้าหน้าที่จึงให้โทรศัพท์ประสานกับนายศุภชัย และในเวลาต่อมานายศุภชัย ได้เข้ามาในพื้นที่ พร้อมแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองเป็นผู้รับเหมาต่อช่วง ของผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านฝั่งตรงกันข้ามกับพื้นที่ที่ตรวจสอบ สำหรับคนงานที่อยู่ในพื้นที่ก็เป็นคนงานของตนเองและผู้รับเหมาหลัก ซึ่งตนเองทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ครอบครองของนายธนาธร เทียนเงิน ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ขออนุญาตก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยอ้างว่ามีหลักฐานการเสียภาษี ภบท.5 ในขณะตรวจสอบพื้นที่ไม่สามารถนำเอกสาร ภบท.5มาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจวัดค่าพิกัดทางดาวเทียมด้วยเครื่องมือ GPS ระบบ UTM : WGS 1984 บริเวณที่มีการครอบครองทำประโยชน์ จำนวน 8 จุด

และได้นำค่าพิกัดดังกล่าวมาถ่ายทอดลงแผนที่ 1:50,000 ลำดับชุด L7018 ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติและอยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี แต่อยู่ในเขตป่าไม้ตาม พรบ.ป่าไม้ 2484, ท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลราไวย์ คำนวณ เนื้อที่บุกรุกยึดถือครอบครองได้ 6-0-4ไร่ คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาพบว่าเป็นการกระทำผิดตาม พรบ.ป่าไม้ 2484 จึงร่วมกันทำบันทึกการตรวจสอบได้มอบให้นายชีวภาพ นำไปดำเนินการนำไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อไป

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่