เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (31 ต.ค. 65) นางดารณี แป้นเงิน อายุ 48 ปีภรรยาของ นายเจริญ แป้นเงิน ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นาย ภราดร ตั้งวินิต ทนายความได้เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและทรัพย์สินของสามีทั้งหมด พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งในวันเดียวกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดภูเก็ตแล้ว และผู้ต้องหาไม่ขอพูดหรือไม่ตอบคำถามใด ๆ
พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลพยานวัตถุกล้องวงจรปิดต่าง ๆ พร้อมทั้งแจ้ง 2 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
“จากพฤติการณ์คนร้ายได้คว้าเอาสร้อยคอทองคำและกระเป๋าของผู้เสียชีวิตไปด้วย แต่ในทางการสอบสวนคนไร้อ้างว่ามีเหตุโกรธเคืองมาก่อน แต่ว่าน่าจะเป็นการจำคนผิดจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนถึงแก่ความตาย” พ.ต.อ.สราวุธ กล่าว
“สอบสวนปากคำส่วนตัวผู้ต้องหาเองให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริง เนื่องจากเกิดความโกรธแค้นมาก่อนทะเลาะวิวาทกันมาก่อน จากการสอบสวนเบื้องต้นเป็นการเข้าใจผิด ทำร้ายร่างกายผิดคนตัว ซึ่งคนที่ผู้ต้องหาเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นอีกคนหนึ่ง ตอนนี้ทางญาติผู้ตายได้มาพบทางเราก็ได้สอบสวนปากคำและแนะนำในสิทธิต่าง ๆ เช่น การเบิกเงินกองทุนต่าง ๆ เราก็จะพยายามช่วยเหลือดูแลเขา”
“ทางญาติเกิดความไม่สบายใจ เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเลย แต่สามีเขาถูกกระทำ ซึ่งทางตำรวจก็คอยไปตรวจเยี่ยมคอยไปพบปะบ่อย ๆ คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา ตอนนี้มีประเด็นที่ทางญาติไม่แน่ใจ ว่าผู้ต้องหาที่มามอบตัวเป็นคนเดียวกับที่ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งทางผมเองและพนักงานสอบสวนเวรก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าเราให้ดูภาพกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุว่าคนร้ายแต่งกายอย่างไร แล้วก็หลังจากเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีไปอย่างไร รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เรานำมาให้ญาติผู้เสียชีวิตได้ดู เรามีการตรวจ DNA ส่งอธิบายให้ทางญาติผู้เสียชีวิตทราบด้วย และมีการเก็บตัวอย่าง DNA จากอาวุธมีด เสื้อผ้าที่คนร้ายสวมใส่ ทำให้เขาสบายใจขึ้น และจากที่ได้พูดคุยล่าสุดนั้น ทางญาติมั่นใจแล้วว่า คนร้ายที่มามอบตัวกับผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นคนคนเดียวกันแน่นอน” พ.ต.อ.สราวุธ อธิบาย
“อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อในตัวคนร้าย ว่าคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ เป็นการเข้าใจผิดมีเหตุโกรธเคือง ที่เคยทะเลาะกันมาก่อน มีเรื่องเกี่ยวกับการขับรถและมีปากมีเสียงกันรุนแรง จึงทำให้เก็บภาพจำหน้าตาของคนที่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาตลอด จนเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ได้มาเจอผู้ตายและคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันที่เคยมีเรื่องทะเลาะ จึงเข้าไปทำร้ายอันนี้คือประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การกับตำรวจ แต่จากพฤติการณ์ที่เรามอง เห็นได้ว่ามีการกระชากสร้อยจากกระเป๋า ทางตำรวจจึงได้แจ้งทั้ง 2 ข้อหาดังกล่าว ส่วนการชิงทรัพย์ก็อยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ต่อไป โดยชั้นตำรวจไม่ให้ประกันตัว และเราคัดค้านการประกันตัวที่ชั้นศาล” พ.ต.อ.สราวุธ กล่าว
ด้านนายภราดร กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางญาติเกรงว่าจะจับผิดคน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเก็บ DNA ของผู้ต้องหาไปแล้ว และส่วนอื่น ๆ เช่น ลายนิ้วมือจากทรัพย์สินที่ได้กลับคืนมา ทำให้ทางญาติรู้สึกพอใจในทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับในส่วนของข้อหาก็ตรงตามที่คาดเอาไว้ คือฆ่าโดยเจตนาและชิงทรัพย์ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย ถ้าพูดในส่วนของตัวภรรยาซึ่งพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงตัวคนเดียวกับลูกสาว จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และในส่วนนี้ก็อาจจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลด้วย