สองหนุ่มออสซี่แจ้งความเดอะพีค หลังจ่าย 5 ล.ไม่ได้ห้อง ฟ้องชนะแพ่งแต่ไม่ได้รับการเยียวยา

ภูเก็ต – สองหนุ่มออสซี่ ขึ้นโรงพักกมลา ภูเก็ต แจ้งความเจ้าของโครงการ “เดอะ พีค” หลังซื้อห้องชุดโครงการดังกล่าวในพื้นที่กะรน จ่ายเงินไม่แล้วกว่า 5 ล้านบาท แต่ไม่ได้ห้องตามต้องการ โครงการถูกระงับการก่อสร้างเหตุเอกสารสิทธิที่ดินออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องชนะในคดีแพ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา

ข่าวภูเก็ต

วันพฤหัสบดี ที่ 5 กันยายน 2567, เวลา 10:22 น.

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ผู้เสียหายชายชาวออสเตรเลีย 2 คน พร้อมด้วยทนาย แถลงข่าวเรียกร้องความเป็นธรรม กรณีได้รับความเสียหายจากการซื้ออาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมโครงการ เดอะพีค ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ของ บริษัท กะตะ บีช จำกัด หลังจากมีการตกลงซื้อขาย และได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 5 ล้านบาท จากราคาห้องชุด 6 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้ห้องชุดตามสัญญาที่ตกลงไว้ แม้ว่าจะมีการฟ้องแพ่งจนชนะคดี โดยจะจัดหาอาคารชุดแห่งใหม่ให้ แต่ไม่สามารถจัดหาให้ได้ตามที่ตกลงกันไว้ หรือแม้กระทั่งการคืนเงินที่มีการจ่ายไปแล้ว จึงได้มาพบ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา และพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินดำเนินคดี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน กับ บริษัท กะตะ บีช และผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากบริษัทเจ้าของโครงการฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ภายใต้การกำกับดูแลของกองบัญชากลางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมสังเกตการณ์ด้วย

สำหรับการเข้าแจ้งความที่ สภ.กมลา ดังกล่าวนั้น เนื่องจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ภายใต้การกำกับดูแลของกองบัญชากลางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้รับคำร้องทุกข์และร้องเรียน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโครงการอาคารชุดจากผู้เสียหายชาวออสเตรเลีย ที่นำที่ดินไม่มีโฉนดมาขายให้แก่ลูกค้าชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก แต่ไม่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จ เนื่องจากการออกใบอนุญาตก่อสร้างไม่ชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่เริ่มต้น

เพราะการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุด จะต้องสร้างอาคารบนที่ดินที่มีโฉนดเท่านั้น เอกสารสิทธิ์ประเภทอื่นไม่สามารถนำที่ดินมาสร้างโครงการอาคารชุดเพื่อจำหน่ายได้ จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้รับเงินจอง เงินทำสัญญาและรับชำระราคาค่าห้องชุดมูลค่าหลายล้านบาทต่อราย ซึ่งโครงการดังกล่าวถูกเพิกถอนใบอนุญาต ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างต่อได้ จึงเสนอให้ผู้เสียหายไปใช้สิทธิซื้อห้องชุดในโครงการอื่นแทน แต่อีกหลายปีต่อมาได้มีการแจ้งกับผู้เสียหายว่า ไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนด และยังส่งหนังสือแจ้งผู้เสียหายให้ไปติดตามเงินคืนกับบริษัทผู้ดำเนินการเอง

ทางผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการฟ้องทางแพ่ง ตัวแทนบริษัทกะตะ บีช จำกัด และได้มาขอไกล่เกลี่ยผ่อนชำระ แต่เมื่อถึงกำหนดงวดชำระเงินกลับไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด ผู้เสียหายได้ทำการสืบทรัพย์ พบว่า บริษัทฯไม่มีหลักทรัพย์ใด ๆ จะเพียงพอต่อการชำระหนี้แม้แต่เพียงรายเดียว จึงมีความเห็นว่า เป็นการกระทำหลอกลวงให้หลงเชื่อว่า จะมาชำระหนี้คืนให้ แต่มีเจตนาไม่รับผิดชอบ อีกทั้งตัวแทนของบริษัทฯ ที่ได้เสนอให้ย้ายสิทธิ์การซื้อห้องชุดไปโครงการอื่น กลับชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเดอะพีค ของ บริษัท กะตะ บีช แต่อย่างใด

TEMU

ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจควบคุม ทั้งแบบแห่งสัญญา และโฆษณาอย่างเคร่งครัด ดังนั้นการขายอสังหาริมทรัพย์ในโครงการจัดสรรที่ไม่สามารถส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ได้ตามสัญญา ถือเป็นความผิดบกพร่องของผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้บริโภค ประกอบกับหากมีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกง หรืออุบายหลอกลวงฉ้อฉลด้วย จะเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาต่อผู้เสียหายเพิ่มอีกด้วย

ผู้เสียหายจึงต้องได้รับการชดใช้เยียวยาในความเสียหายไม่เลือกปฏิบัติต่อสัญชาติของผู้บริโภค ภายใต้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย การกระทำดังกล่าวของผู้ประกอบการส่งผลร้ายต่อชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต และประเทศไทย ต่อสายตาชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง คดีดังกล่าว และสำนักงานสอบสวนกลาง (CIB) ได้แนะนำการดำเนินคดีแก่ผู้ประกอบการรายดังกล่าวตามเขตอำนาจของตำรวจ สภ.กมลา จังหวัดภูเก็ต และหากมีลูกค้ารายใดได้รับผลกระทบและเป็นผู้เสียหายจากโครงการดังกล่าว ขอให้เข้ามาแจ้งต่อ สภ.กมลา เพื่อขยายผลการดำเนินคดีให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่ามีหลายราย เพื่ออำนวยความเป็นธรรมให้แก่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างถูกกฎหมายในจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย ว่าบุคคลจะได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายเสมอภาคกันทุกสัญชาติ

ผู้เสียหาย กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่า การมาแจ้งความในครั้งนี้ เพื่อต้องการได้รับความยุติธรรม เพราะเงินที่นำมาซื้อนั้น เป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต และต้องการมาใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ต แม้ว่าจะชนะในส่วนของคดีแพ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาแต่อย่างใด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยากให้ประเทศไทยถูกมองไม่ดีในสายตาของต่างชาติ

พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ด้วย สภ.กมลา ได้รับการประสานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ซึ่งความเสียหายนี้ ปคบ.ได้ดำเนินในเบื้องต้นไปแล้ว และส่งเรื่องต่อมายัง สภ.กมลา ซึ่งได้รับแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว และจะดำเนินการสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่