ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค. 66) นายภานุ จันทร์ศิริ เจ้าของรถ กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตนทำงานอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนได้นำรถไปซ่อมที่อู่ที่รู้จักกัน เพราะช่างซ่อมเป็นเพื่อนกับลูกเขยตน ตอนแรกนำไปทำช่วงล่างก่อนเพื่อจะใส่ล้อ เมื่อทำช่วงล่างเสร็จช่างก็เบิกเงิน ซึ่งในตอนแรกทำงานดี ส่งงานดี ขอดูรูปก็ยังส่งให้ดูอยู่ตลอด จากนั้นก็เบิกเงินเพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าจะนำไปซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ จนครบจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้
ซึ่งจากนั้นตนก็ถามว่ารถจะเสร็จเมื่อไหร่ เขาบอกว่าเสร็จทันตนกลับมาแน่นอน แต่หลังจากนั้นตนกลับมาบ้านที่ 2-3 รอบรถก็ยังไม่เสร็จนับเป็นเวลามากกว่า 1 ปี ซึ่งก่อนจะครบปีนั้นตนได้ทำสัญญา เพราะไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำเสร็จ และถ้าทำไม่เสร็จภายในสัญญาก็จะปรับวันละ 500 บาท
“หลังจากนั้นพ่อเขารู้เข้า ก็ออกมารับบอกว่าจะดูแลรถให้เสร็จ แต่หลังจากครบกำหนดก็ยังไม่เสร็จ ก็ทำการปรับวันละ 500 บาท เมื่อกลับไปอินโดนีเซียก็โพสต์ถามว่าเมื่อไรรถจะเสร็จ และพ่อของเขาก็ไม่รับผิดชอบแล้ว ถามอะไรก็ไม่ได้ โพสต์ถามหน้าเฟซบุ๊ก ทางเขาก็ฟ้องว่าหมิ่นประมาทฯ เป็นเงิน 300,000 บาท จนต้องจ้างทนายสู้” นายภานุ กล่าว
นายภานุเล่าต่อไปว่า เมื่อตนทวงถามบ่อยเข้าทางช่างก็ปิดร้าน และย้ายรถไปไว้ที่ร้านของพ่อ ตนอยากให้แสดงความรับผิดชอบ เพราะตอนนี้อยากนำรถไปทำที่อู่อื่นให้จบ เพราะหมดความเชื่อใจในร้านเดิมแล้ว
นอกจากนี้ทางเจ้าของรถยังยืนยันว่า ทางคู่กรณีได้มีการโวยวายก่อกวนที่บ้านของตน ทั้งยังมีการข่มขู่ต่าง ๆ นานา เหมือนเป็นคนที่รู้จักคนเยอะและมีอิทธิพล และไม่มีช่างคนไหนกล้าเข้าไปรับรถที่ร้าน
“ตอนนี้เดือดร้อนมาก ตกเป็นผู้เสียหาย และเขายังขู่อีกว่าจะนำรถทิ้งขุมน้ำ ไม่แน่ใจว่าจ่ายไป 160,000 หรือ 180,000 บาท ไม่รู้อะไหล่ยังครบหรือเปล่า ตอนนี้รถเสียหายไปหมดแล้ว ฝุ่นจับเกาะในรถเต็มไปหมดเลย อยากขอความช่วยเหลือให้เรื่องนี้จบสักที เกือบ 2 ปีแล้วที่ต้องเหนื่อยมาก ๆ กับเรื่องนี้”
นายภานุยืนยันว่าตนได้ต่อสู้มาตลอด จนตอนนี้ไม่มีเงินจ่ายค่าทนายความแล้ว
“ขอความเป็นธรรมจากสื่อ เพราะตอนนี้ลำบากมาก รถคันเดียวในชีวิตสมบัติชิ้นเดียวในชีวิต ต้องมากลายเป็นซาก ความฝันของชีวิตคืออยากได้รถแบบนี้ เพราะเราไม่ใช่คนรวยแต่เพียงแค่อยากจะทำตามความฝันก็เท่านั้น” นายภานุ กล่าว
