เมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 ศาลแขวงภูเก็ตนัดพิพากษาคดีแพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ หรือ หมอปาย เเละโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายอุร์ส บีท นายอุร์ส บีท เฟร์ (Mr.Urs Beat Fehr) หรือนายเดวิด ชายชาวสวิส เจ้าของปางช้างภูเก็ต ในคดีทำร้ายร่างกาย พิพากษา ยกฟ้อง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และในวันเดียวกันนั้น ศาลแขวงภูเก็ตได้มีจดหมายถึง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแจ้งเพิกถอนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายเดวิดแล้ว
เอกสารคำพิพากษาออกมา ซึ่งช่วงหนึ่งของคำพิพากษา ระบุว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่” จากคลิปวิดีโอศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณาคำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนของโจทก์ที่ 2 (จากคุณหมอธารดาว) ประกอบกับคลิปวิดีโอตามวัตถุพยาน ปรากฏว่ามีความแตกต่างและไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุที่เกิดขึ้นว่านายเดวิดตั้งใจเตะเข้าที่หลังหมอปาย บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากหลอดไฟในสวน เพียงพอที่พยานโจทก์จะมองเห็นและจดจำเหตุการณ์ได้แต่พยานกลับไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงถึงการถูกทำร้ายร่างกายนั้นได้ ทำให้เกิดข้อเป็นข้อพิรุธและน่าสงสัย
นอกจากนี้ตามคลิปวิดีโอวัตถุพยานก็ไม่ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่แสดงถึงจำเลยใช้เท้าเตะโจทก์ที่ 2 จนมีลักษณะคะมำไปด้านหน้าดังที่โจทก์ที่ 2 ให้การต่อพนักงานสอบสวน แต่กลับปรากฏภาพโจทก์ที่ 2 สามารถลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากที่เกิดเหตุได้อย่างปกติ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของโจทก์ที่ 2 ทั้งไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรูปร่างของจำเลยที่เป็นคนสูงใหญ่กว่าโจทก์ที่ 2 มาก ประกอบกับโจทก์ที่ 2 กับจำเลยไม่เคยรู้จักกัน หรือมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และปกติบุคคลทั่วไป เมื่อถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ย่อมต้องสอบถามมูลเหตุที่ทำร้ายตน แต่โจทก์กลับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในชั้นพิจารณา
โจทก์ทั้งสองมีพยานปากแพทย์ออกผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่า พยานไม่ได้ตรวจร่างกายโจทก์ที่ 2 เพียงแต่ดูลักษณะบาดแผลจากภาพถ่ายและข้อมูลที่พยาบาลบันทึกไว้เท่านั้น โดยโจทก์ที่ 1 ไม่ได้นำพยาบาลซึ่งเป็นผู้ถ่ายรูปบาดแผลของโจทก์ที่ 2 มาเบิกความยืนยัน และมิได้ส่งภาพถ่ายบาดแผลและประวัติการรักษาทางเวชระเบียน ดังนั้น ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลจึงยังมีข้อพิรุธให้สงสัย
นอกจากนี้ที่โจทย์ที่ 2 อ้างว่าป่วยเป็นโรค PTSD จำเลยนำสืบหักล้างและมีพยานปากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งศาลหมายเรียกมาให้ความเห็นเป็นหนังสือและมาเบิกความประกอบ มีความเห็นตรงกันว่า การวินิจฉัยว่าเป็นโรค PTSD บุคคลนั้นต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่อันตรายถึงแก่ชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเหตุการณ์ที่โจทก์ที่ 2 ได้รับมาตามที่กล่าวอ้างนั้น ไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว พิพากษายกฟ้อง
ทางด้าน นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของหมอปาย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนหลังรับทราบคำตัดสินของศาลว่า ลูกสาวเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เธอขอเวลาอยู่กับตัวเอง และขอเวลาในการตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีต่อไป เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อ หรือจะพอเพียงเท่านี้ เธอต้องการเวลาสักพักเพื่อรวบรวมความคิด ในขณะนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการใด ๆ
นายเกษม กล่าวอีกว่า สิ่งที่เพิ่มความเครียดให้กับลูกคือการที่นายเดวิดยังคงอ้างว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด นายเดวิดอธิบายว่าเขาวิ่งไปหาหมอเพื่อเตือนเธอว่าอย่าไปนั่งบนที่ดินของเขา เขาบอกว่าเขาลื่นและเผลอไปสัมผัสหลังของเธอ หลังจากพิจารณาหลักฐาน พบว่าบ่งชี้ไปในทิศทางที่นายเดวิดกล่าวมาข้างต้น ศาลจึงอนุญาตเพิกถอนการระงับวีซ่า และนายเดวิดไม่ได้รับโทษใด ๆ จากการก่อเหตุในครั้งนี้
และล่าสุดศาลแขวงภูเก็ต มีหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แจ้งเพิกถอนคำสั่งห้ามนายเดวิด เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เนื่องจากการพิจารณาคดีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว คดีนี้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงทางออนไลน์อีกครั้ง ทำให้เกิดความสงสัยในคำตัดสินของศาลอีกครั้ง ความขัดแย้งมุ่งเน้นไปที่การที่ภรรยาชาวไทยของนายเดวิด ที่เคยอ้างว่าตนมีความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของภูเก็ต ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของคดี
แม้ว่าจะรู้สึกเครียดมาก เเต่หมอปายเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับคำตัดสินของศาล อย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมกฎหมายและครอบครัวของหมอปายได้ขอสำเนาคำตัดสิน ขอคัดสำเนาคำพิพากษาอีกราว 3-4 วัน เพื่อทบทวนร่วมกันก่อนตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป
ในส่วนของนายเดวิดหรือนายเฟร์ ผู้ซึ่งได้รับการยกฟ้องจากศาลตัดสินว่า เขาพ้นผิดจากข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้วนั้น นายเฟร์จะยังคงอยู่ที่ประเทศไทยและยังคงอาศัยอยู่ในภูเก็ต