CIB รวบเพิ่มผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า แก๊งลักเรือน้ำมันเสี่ยโจ้ กลางเมืองภูเก็ต

ภูเก็ต – เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า รวบเพิ่มผู้ต้องหาแก๊งลักเรือน้ำมันเสี่ยโจ้ กลางเมืองภูเก็ต

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม 2567, เวลา 13:38 น.

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ร่วมกันจับกุม นายนิรุธฯ กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ตาม และเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดโดยจับกุมได้ที่ สภ.ฉลอง ม.8 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต

ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าในพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมาได้สืบสวนทราบว่า นายนิรุธฯ อายุ 48 ปี บุคคลตามหมายจับ ปรากฏตัวอยู่ที่ สภ.ฉลอง ม.8 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งพบนายนิรุธฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับจริง เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าเขาจะต้องถูกจับ ตามหมายจับศาลอาญาดังกล่าว และแจ้งสิทธิตามข้างต้นให้ผู้ถูกจับทราบ จนผู้ถูกจับทราบและเข้าใจดีแล้ว จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับมาจัดทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.ฉลอง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางได้เปิดปฏิบัติการณ์ สยบเครือข่ายเสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน จากกรณีร่วมกันวางแผนขโมยเรือน้ำมันของกลางจำนวน 3 ลำ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เเละศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) ได้ร่วมกันตรวจค้นและออกหมายจับเพิ่มเติม กรณี ผู้ต้องหาควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันของกลางหลบหนีไป โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกอนุมัติหมายจับเพิ่มเติม (ผู้ต้องหาที่ 1-3) ได้แก่ 1. นายสหชัยฯ หรือ เสี่ยโจ้ 2. นายสมเกียรติฯ และ 3. นายสำเริงฯ กระทำความผิดฐาน“ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ”

และผู้ต้องหาที่ 4-5, นางอนันตญาฯ และ นายนรินทรฯ กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ”

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 CIB โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ, เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 28 คน พร้อมด้วยของกลาง เรือบรรทุกน้ำมัน จำนวน 5 ลำ และน้ำมันรวม จำนวน 325,000 ลิตร และอยู่ระหว่างสอบสวนของอัยการสูงสุดและกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) โดยมอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจน้ำ เป็นผู้ดูแลรักษาเรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางไว้ที่ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ต่อมาในช่วงวันที่ 9-10 มิ.ย.67 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ประกาศเตือนว่า จะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และฝนฟ้าคะนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเกรงว่าเรือของกลาง และท่าเทียบเรือจะได้รับความเสียหาย จึงให้เรือของกลาง จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง และเรือกำไรเงิน(เหล็ก) พร้อมลูกเรือ ออกไปทิ้งสมอในระยะปลอดภัย โดยมีระยะห่างจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร

กระทั่งวันที่ 12 มิ.ย. 67 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง พร้อมลูกเรือจำนวน 15 ราย (เป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้า 14 ราย) ได้ร่วมกันควบคุมเรือหลบหนีไป ศปนม.ตร. จึงได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาข่าว ติดตามเรือของกลาง พร้อมลูกเรือเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนขอออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้ง 15 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ” ต่อมา เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 8 ราย พร้อมเรือของกลาง 3 ลำ และได้ตรวจสอบพบว่า มีน้ำมันเถื่อนของกลางเหลือรวมกันอยู่เพียง 18,000 ลิตร

HeadStart International School Phuket

สืบสวนขยายผล พบว่า นายสหชัยฯ ได้สั่งการ กลุ่มผู้ต้องหาให้ตระเตรียม วางแผน นำเรือ 3 ลำซึ่งเป็นของนายสหชัยฯ หลบหนี โดยได้ตระเตรียมนำอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร และเครื่องมือนำทาง GPS ให้กับไต๋เรือ ทั้ง 3 ลำไว้ เนื่องจากเครื่องเดิมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไปจากการถูกจับกุ่มในครั้งก่อน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67

เมื่อได้โอกาสที่เหมาะสมที่จะหลบหนีจากการที่เรือได้จอดทอดสมอห่างจากท่าเรือตำรวจน้ำ โดยกลุ่มลูกเรือจึงได้จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเป็นเสบียงระหว่างหลบหนี และได้หลบหนีออกจากจุดทอดสมอ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ในที่สุด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 1-3 ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” และขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 จุด แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ 1 จุด, จังหวัดสมุทรสาคร 2 จุด, จังหวัดเพชรบุรี 2 จุด, จังหวัดสงขลา 2 จุด และจังหวัดปัตตานี 6 จุด

กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ผลการปฏิบัติ พบว่าผู้ต้องหา ทั้ง 3 รายที่ถูกออกหมายจับ ได้หลบหนีไปต่างประเทศ, แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย, จับกุมนายเจ๊ะดอเลาะ ในข้อหาเกี่ยวกับการครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท, ตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น 13 จุด เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามปากคำ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องรวมประมาณ 70 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่