กรมการแพทย์ วางแนวทางรักษาโควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น 1 ก.ค.

กรมการแพทย์ วางแนวทางรักษาโควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น ภายหลังจาก คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น เริ่ม 1 กรกฎาคม 2565 โดยกำหนดแบ่งระยะของโควิดเป็นโรคประจำถิ่น 4 ระยะ ดังต่อไปนี้

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 11 มีนาคม 2565, เวลา 10:00 น.

แฟ้มภาพ ข่าวภูเก็ต

แฟ้มภาพ ข่าวภูเก็ต

- ระยะที่ 1 (12 มี.ค.-ต้น เม.ย.) เรียกว่า Combatting ต้องออกแรงกดตัวเลขไม่ให้สูงกว่านี้ เป็นระยะต่อสู้ เพื่อลดการระบาด ลดความรุนแรงลง จะมีมาตรการต่าง ๆ ออกไป การดำเนินการให้กักตัวลดลง

- ระยะที่ 2 (เม.ย.-พ.ค.) เรียกว่า Plateau คือ การคงระดับผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้น ให้เป็นระนาบจนลดลงเรื่อย ๆ

- ระยะที่ 3 (ปลาย พ.ค.-30 มิ.ย.) เรียกว่า Declining การลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เหลือ 1,000-2,000 คน

- และอีกบวก 1 หรือระยะ 4 ตั้งแต่ 1 ก.ค. 65 เป็นต้นไป เรียกว่า Post pandemic คือ ออกจากโรคระบาด เข้าสู่โรคประจำถิ่น

สำหรับแนวทางรักษาโควิด-19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวในงานสถาปนากรมการแพทย์ 80 ปี ว่า ความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมการรักษารองรับโรคโควิด -19 เพื่อการเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ในราว 1 กรกฎาคมนั้น ได้มีการเตรียมวางแนวทางการรักษา ที่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

“จากเดิมรักษา ผู้ป่วยแบบแอดมิน เป็นการรักษาแบบ Home Isolation จนมาเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งในอนาคต หากโรคไม่รุนแรง ก็อาจมีการปรับแนวทางการรักษาเป็น OPD โดยแนวทางการเป็นโรคประจำถิ่น จะต้องดูเรื่องของความรุนแรงของโรคเป็นหลัก อัตราการเสียชีวิต พบแต่ 1 ใน 1,000 หรือ ร้อยละ 0.1 โรคไม่มีรุนแรงก็รักษาแบบ OPD เหมือนไข้หวัดใหญ่ มีการฉีดวัคซีนป้องกัน เหมือนกับโรคตามฤดูกาลทุกปี ส่วนเรื่องของยารักษา ขณะนี้ เน้นการรักษาตามอาการ จ่ายยาตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องกินยา เพราะจะได้รับผลข้างเคียงจากยา ทั้งผลต่อตับ ไต ตาและผิวมีสีฟ้า จากการรับยาฟาวิพิราเวียร์” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

“ส่วนความคืบหน้าการจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ของบริษัท Merck นั้น ขณะนี้มาถึงไทยแล้ว อยู่ระหว่างการติดฉลากและกระจายยาไป รพ.ต่างๆ ในสัปดาห์หน้า เหมาะสำหรับการใช้ในกลุ่ม 608 เนื่องจากมีการทดลองใช้ในกลุ่มนี้ ส่วนยาแพ็กซ์โลวิก อยู่ระหว่างการจัดทำสัญญาใหม่ ในเดือนเมษายนนี้”

ที่มา: ศูนย์ข้อมูล COVID-19 / สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่