กองปราบซ้อนแผนจับแก๊งควาย ทำทีติดธุรกิจก่อนหลอกยืมเงินเล่นพนัน เสียเงินกว่า 3 ล้าน เป็นหนี้อีก 2 ล้าน

ภูเก็ต – วันนี้ (12 ธ.ค. 60) เวลาประมาณ 11.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม (กก.6 บก.ป. ชป.สงขลา) นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก. 6 บก.ป., พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย สว.กก.6 บก.ป., พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ถลาง นำกำลังเข้าตรวจสอบภายจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกง หรือที่เรียกว่า แก๊งควาย ภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง บนถนนเส้นมุดดอกขาว - สนามบินสายเก่า

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 12 ธันวาคม 2560, เวลา 19:17 น.

ภายหลังจากสืบทราบว่าได้เข้าพักและวางแผนเตรียมการหลอกเหยื่อรอบใหม่ หลังจากหลอกลวงหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายและชักชวนให้เล่นการพนันกำถั่วจนเสียเงินกว่า 3.1 ล้านบาท และยังติดหนี้พนันอีกกว่า 2 ล้านบาท ก่อนที่ผู้เสียหายเจ้าหน้าที่กองปราบฯซ้อนแผนเข้าจับกุมตัวได้

จากการเข้าตรวจสอบ พบบุคคลตามหมายจับ 2 ราย คือ นางสุจิรา ยอดยิ่ง อายุ 55 ปี ชาวอ.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ในความผิดฐานรวมกันฉ้อโกง และร่วมกันปล้นทรัพย์ ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 7 หมาย ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา อีกราย คือ นายเสรีย์ สังพุทธทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ของสภ.ถลาง เจ้าหน้าที่จึงนำตัว ส่งสภ.ถลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ 1 คน คือ นายยงยุทธ หรือชัย ทองคำ และ ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ คือนายสมชาย อินทวงศ์ พนักงานสอบสวนสภ.ถลาง อยู่ระหว่างการขออนุมัติออกหมายจับ

นายสมชายเคยตกเป็น 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฉ้อโกง และถูกรวบตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลางเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ทั้งนี้ ในคดีดังกล่าว นางเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหายกล่าวว่า เริ่มต้นจากวันพฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายที่หลบหนี คือนาย สมชาย หรือแชมป์ หรือ กว้าง ได้ทำทีมาติดต่อธุรกิจ ก่อนจะแนะนำให้พบกับเจ้ (นางสุจิรา ) หญิงอีกคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็น เลขาของนักธุรกิจรายใหญ่ ที่เรียกว่าเสี่ย (นายเสรีย์) หลังพูดคุยดูเกี่ยวกับการออกแบบสินค้า และต้องการสั่งของไปดำเนินธุรกิจจำนวนมาก จากนั้นอ้างว่าจะพาผู้เสียหายไปพบเสี่ยที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล เพื่อคุยเรื่องการออกแบบงานกันตนเองจึงยอมไปด้วย

โดยขึ้นไปกับรถของนายสมชาย เมื่อไปถึงรีสอร์ทก็พบกับ นายยงยุทธ ผู้ต้องหาอีก 1 รายระหว่างที่รอเสี่ยอยู่นั้นเป็นเวลานาน ได้มีการเล่นการพนันกำถั่วไปด้วยซึ่งผู้เสียหายไม่ได้เล่น ก่อนที่เสี่ยจะมาถึงและแสดงวาจาถากถางเชิงดูถูกว่าพวกคุณ แต่งตัวอย่างนี้หรอจะมาทำธุรกิจกัน และมีการท้าทายกันเล่นพนักกัน ตัวละครทั้ง 3 คือนายสมชาย นางสุริรา และนายยงยุทธ ได้แสดงความไม่พอใจและมีการปรึกษากันว่าจะหลอกเล่นการพนันให้หมดตัว เพื่อเอาคืนที่เสี่ยดูโดยมีการอ้างว่าจะรวบรวมเงินจำนวน 8 ล้านบาทเพื่อเล่นพนันกับเสี่ย โดยยังขาดเงินบางส่วนจึงชวนผู้เสียหายร่วมด้วย ซึ่งผู้เสียกายยืนยันว่าไม่เล่นแต่สามารถให้ยืมเงินได้ นายสมชายจึงพาไปเบิกเงินสดมาจำนวน 1 ล้าน 1 แสนบาท โดยที่ไม่เห็นเงินของผู้อื่นเลยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ก่อนจะเริ่มเล่นพนัน

ในช่วงแรกเสี่ยเป็นฝ่ายแพ้และมีการเพิ่มเงินครั้งละมากๆ กระทั่งเล่นไปครบ 10 ครั้ง ปรากฏว่าเสี่ยชนะ ทำให้ต้องเป็นหนี้จำนวนมาก โดยตนเองนั้นเสียเงินรวมกว่า 3.1 ล้านบาทและเป็นหนี้อีก 2 ล้านบาท ซึ่งหน้าม้าทุกคนต่างแสดงความเสียใจจนตนเองเชื่อว่าเป็นการแพ้จริง ก่อนกลับมาและปรึกษาญาติ ก่อนตัดสินใจแจ้งไปที่กองปราบปราม
พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังผู้เสียหายรายดังกล่าวซึ่งได้ประสานขอให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ช่วยเหลือจึงให้คำแนะนำผู้เสียหายทำตามที่แก๊งควายบอก คือนัดหมายให้มีการแก้มือกันใหม่ ในวันนี้ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำกำลังเข้าจับกุม แต่ผู้เสียต้องหา 1 ราย คือนายสมชายหลบหนีไปได้

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 100 กลุ่มทั่วประเทศ เฉลี่ย กลุ่มละ 4คน มีการผลัดเปลี่ยน วนเวียนก่อคดีไปทั่วประเทศมานับไม่ถ้วนและใช้วิธีการประมาณ 3 - 4 แบบ คือ 1.ฉ้อโกงเล่นการพนันกำถั่ว 2.ฉ้อโกงหลอกว่าถูกล็อตเตอรี่ 3.คือแก๊งตกทองและอื่นๆ โดยแบบวันนี้ คือ ฉ้อโกงเล่นการพนันกำถั่ว ซึ่งจะเลือกเหยื่อที่มีฐานะชักชวนในรูปแบบต่างๆ จนเสียทรัพย์สิน และได้ฝากเตือนไปยังประชาชน อย่าหลงเชื่อคนง่ายเพราะปัจจุบันรูปแบบกลโกงมีสารพัดแบบ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่จะทำให้เสียทุกอย่างไปง่ายๆ ซะมากกว่า

สำหรับ กลุ่มผู้ก่อเหตุ 1 ราย คือนายสมชาย มีประวัติถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ถลาง จับกุมตัวในคดีฉ้อโกงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังร่วมกับนางสุจิรา ยอดยิ่ง และนายเสรีย์ หลอกผู้เสียหายเล่นการพนันจนเสียเงินไปกว่า 9 แสนบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ถลางได้วางแผนจับกุมนาย สมชาย ได้เพียง 1 คน ส่วนอีก 2 คนหลบหนีไป ก่อนมาถูกจับครั้งนี้ รวมระยะเวลาเพียง 6 เดือนเศษ

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่