โดยช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง ทำให้ต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากช่วงวันที่ 8 - 11 ธันวาคม พบพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมขัง บริเวณ จ.ชุมพร ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
พร้อมระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำชุมพร คลองหลังสวน แม่น้ำตาปี แม่น้ำพุมดวง แม่น้ำตะกั่วป่า แม่น้ำปากพนัง แม่น้ำตรัง คลองชะอวด แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำโก-ลก รวมถึง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ำสูงสุด อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 แล้วมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลางให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำแหล่งน้ำทุกขนาด 43,571 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 75
ทั้งนี้ ยังพบพื้นที่ภาคใต้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัด คือ นครศรีธรรมราช เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่รวม 8 อำเภอ ใน อ.สิชล เมืองนครศรีธรรมราช ขนอม พรหมคีรี ท่าศาลา นาบอน ทุ่งใหญ่ และร่อนพิบูลย์ รวม 23 ตำบล73 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,554 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้ว โดย ปภ. ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหารในพื้นที่ อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย
