จากกรณีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 เวลาประมาณ 20.00 น. กรณีปรากฎคลิปทางสื่อสังคมโซเซียลว่าได้เกิดอุบัติเหตุคนขับรถเก๋งคลุ้มคลั่ง ขับพุ่งชนมอเตอร์ไซค์และกลุ่มประชาชนผู้เดินผ่านไปมาบริเวณถนน 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และมีเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายภาณุเดช (ตำรวจขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวได้เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุในวันที่ 23 เม.ย. เวลาประมาณ 18.00 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากพนักงานของร้านชื่อนายธนพงษ์ หรือเตย หงษ์สนิทว่าถูก นายชัชนันท์ หรือแพตตี้ เจริญใจ ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมของร้านลักชูรี่มาสสาจ ซึ่งมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหน้านี้แล้วตบเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง จึงรีบกลับจากการท่องเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อมาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาเมื่อกลับมาถึงร้านในวันที่ 24 เม.ย. ได้เจอนายเตย โดยนายเตยได้แจ้งกับตนว่า ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ป่าตอง เอาไว้แล้ว ต่อมาจึงพร้อมกับนายเตยเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนเรียกนายแพตตี้ คู่กรณีมาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน แต่ไม่สามารถติดต่อนายแพตตี้ได้ จึงพร้อมด้วยนายเตยขับรถไปที่หน้าร้านลักชัวรี่มาสสาจไปเรียกให้นายแพตตี้มาที่ สภ.ป่าตอง แต่ได้รับคำตอบว่า ไม่มาจนกว่าจะได้หมายเรียก ตนจึงกลับไปที่ สภ.ป่าตอง เพื่อกลับมาเอารถมาสด้า 2 สีแดง (หมายเลขทะเบียนชลบุรีที่ปรากฏในคลิป) ของตนแล้วก็ได้ขับรถคันดังกล่าว ไปจอดหน้าร้านของตนเพื่อจะเอาของลงที่ร้าน โดยขณะจอดอยู่หน้าร้านได้มีนายแพตตี้พร้อมพวกรวมประมาณ 6-7 คน เดินมาโวยวายเสียงดังที่ร้าน และขณะนั้นก็เห็นรถของตนที่ จอดอยู่ จึงตรงเข้ามาที่รถเหมือนจะมาทำร้ายร่างกาย ตนรู้สึกตกใจกลัวจึงเข้าเกียร์ผิด ทำให้รถพุ่งชนเข้ากับบุคคล และรถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าร้าน ได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุได้ขับรถออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุ แล้วก็ได้แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่รถดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว พร้อมทั้งได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยาน รวมถึงได้ส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลป่าตอง เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นความผิดฐาน ทำร้ายร่างกาย และ พ.ร.บ.จราจร จำเป็นต้องใช้ผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ เพื่อประกอบการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหา ซึ่งจะได้เร่งรัดติดตามผลการตรวจร่างกาย และดำเนินการติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
