ชาวบ้านยังผวาหนุ่มคลุ้มคลั่ง หวั่นถูกปล่อยตัวกลับมาก่อเหตุซ้ำ

ภูเก็ต - เพื่อนบ้านยังผวาหวั่นหนุ่มคลุ้มคลั่ง แม้จะถูกจับตัวไปแล้ว เกรงจะถูกปล่อยตัวออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีก ฝากถึงเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวไปรักษา ก่อนปล่อยตัวออกมา เพราะทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 8 กันยายน 2565, เวลา 13:49 น.

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 65 ตำรวจสภ.วิชิต จ.ภูเก็ต รุมจับชายคลั่งรุมทุบรถชาวบ้านพร้อมทำลายทรัพย์สิน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.วิชิต อ.เมือง โดยใช้เครื่องยิงไฟฟ้าชาร์ตใส่ ก่อนเข้าคุมตัวนำส่งรพ.วชิระภูเก็ตเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย ทั้งนี้ชายคนดังกล่าวอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง เพราะกลัวได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่เข้าคุมสถานการณ์หลังจากเจรจาไม่เป็นผล จึงได้เข้าจับตัวอย่างดุเดือด เพื่อให้สงบสติอารมณ์

ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย. 65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ พบกับเพื่อนบ้าน และเป็นคนถ่ายคลิปในขณะที่เกิดเหตุ โดยเล่าว่า ชายคลุ้มคลั่งคนดังกล่าวมักอาละวาด เขวี้ยงปาสิ่งของ และด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ใส่บ้านหลังเกิดเหตุเป็นประจำ 

“เหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยมาก น่ากลัวมาก ชายคลุ้มคลั่งเคยเผาบ้านตัวเอง เขาอยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่มีใครกล้าอยู่ด้วย บ้านหลังนี้เดิมเป็นบ้านของพ่อแม่เขาซื้อเอาไว้ ส่วนพ่อแม่เขาดีมาก มีแต่ตัวเขานั่นแหละ เมื่อไหร่ที่เขาทะเลาะกับลูกเมียของเขา เมียของเขามักจะวิ่งไปหลบบ้านหลังเกิดเหตุ เข้าใจว่า เพื่อนบ้านคนดังกล่าว ทำให้เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุ ทำให้เขาทะเลาะกับเมียของเขา เขาเลยโกรธแค้นมาตลอด”

เพื่อนบ้านได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (7 ก.ย.) ว่าเห็นเขาตะโกนด่า แล้วก็นำเลื่อย 2 อันเหล็กปลายแหลมมาด้วย ตนยังบอกตำรวจว่าระวัง เขาจะเขวี้ยงสิ่งของออกมา โดยเพื่อนบ้านเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมา 2-3 ครั้ง 

“พอตำรวจจับไปก็จำคุก 2 เดือน ออกมาอีกก็อาละวาดทุบรถทุบข้าวของชาวบ้านอีก แต่ครั้งนี้เสียหายหนักมาก คงจะนานหน่อยไม่งั้นคงผวา เพราะถึงเวลาจะบ้าบอขึ้นมา เสียงดังทั้งซอยคน เขารู้กันหมดทั้งซอย” 

เพื่อนบ้านเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบปีที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวเคยเผาบ้านตัวเองมาแล้ว เพื่อนบ้านต้องช่วยกันดับไฟ เพราะเกรงจะทำให้บ้านอื่นเดือดร้อน

“เขาทุบข้าวของเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเคียงพังหมดเลย ไปขโมยมีดของเพื่อนบ้านมาด้วย หากชายคนดังกล่าวคลุ้มคลั่งอาละวาดหรือบ้าขึ้นมาก็จะทุบรถคนอื่นอีก อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองช่วยดูแลจัดการกับเขา ซึ่งเป็นภัยต่อชาวบ้านต่อสังคม พาเขาไปรักษาให้หายก่อน จึงค่อยปล่อยเขากลับมา หากเขายังไม่หายเขาก็คงก่อเหตุอีกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันรู้สึกไม่ปลอดภัย" เขากล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่