ก่อนนำมาซึ่งการจับกุมในกรณีนี้ ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ว่า นางสาวดิเอรา (นามสมมติ) อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 67 เวลา 23.00 น. ได้นัดกับนายโอเลคซานเดอร์ อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน/รัสเซีย ผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ที่วิลล่าแห่งหนึ่งใน ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต เพื่อนำเงินสดจำนวน 25,000 บาท มาแลกกับเงินคริปโตเคอเรนซี่ จำนวน 700 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อผู้เสียหายไปถึงที่นัดหมายได้พบกับนายโอเลคซานเดอร์ในระหว่างที่พูดคุยกัน ในช่วงที่คนร้ายอีกคนกำลังเดินเข้ามาที่นัดหมาย ซึ่งผู้เสียหายไม่ทันระวังตัวนายโอเลคซานเดอร์ได้จับผู้เสียหายล็อค เอาถุงคลุมศีรษะ มัดแขน มัดขา และยึดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย พร้อมกับบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินให้กับคนร้ายเพิ่ม และได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วยการตบใบหน้าจนผู้เสียหายยอมบอกรหัสโทรศัพท์ ซึ่งไม่มีเงินในบัญชีออนไลน์แล้ว นายโอเลคซานเดอร์จึงบังคับให้ผู้เสียหายติดต่อเพื่อน ซึ่งอยู่ห้องพักใกล้กับผู้เสียหายให้นำเงินสดในห้องพักของผู้เสียหายมาให้ โดยมีชายสัญชาติรัสเซีย ร่วมกับนายโอเลคซานเดอร์ทำหน้าที่เป็นผู้ไปรับเงินจากเพื่อนของผู้เสียหาย จำนวน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินสกุลไทยอีกจำนวน 6,000 บาท มาให้นายโอเลคซานเดอร์รวมทรัพย์สินที่ผู้เสียหายถูกประทุษร้ายไปเป็นจำนวนเงิน 104,546 บาท หลังจากนายโอเลคซานเดอร์ได้ทรัพย์สินแล้วจึงได้ปล่อยตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายทั้ง 2 คน
หลังจากได้บันทึกข้อมูลนายโอเลคซานเดอร์ในบัญชีเฝ้าดู ในเวลาต่อมา ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจาก ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต ว่า นายโอเลคซานเดอร์กำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เพื่อเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จึงได้ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ไปจับกุมนายโอเลคซานเดอร์ในฐานความผิด "ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน" โดยผู้เสียหายชี้ยืนยันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีกหนึ่งคนซึ่งทำหน้าที่ไปรับเงินจากเพื่อนของผู้เสียหาย ได้หลบหนีเดินทางออกจากประเทศไทยไปก่อนแล้ว ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ และติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป