จากกรณี เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ม.ค. 64 ศูนย์รับแจ้งเหตุ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในซอยหอเขียว ซอย 31 ถนนศักดิ์ดิเดช ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีชายคลุ้มคลั่งใช้มีดจ่อคอตัวเองเดินกระวนกระวายและไล่ทำร้ายคนอื่น อยู่หน้าห้องพักบริเวณหอเขียว 5/27 ซอย 31 ถนนศักดิเดช ตำบลตลาดเหนืออำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งภายหลังจากกำลังเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อดูพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวนานหลายชั่วโมง พบว่าอาการสงบลงแล้วจึงได้ถอนกำลัง โดยได้แจ้งกับชาวบ้านว่าหากผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุได้รับความเดือดร้อน สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอลงบันทึกประจำวันได้ ซึ่งภายหลังจากเกิดเป็นข่าวชาวโซเชียลก็ได้ให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก
ต่อมาในวันรุ่งขึ้นเวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากห้องพัก ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเดินเข้าไปสำรวจที่ห้องพักของผู้ก่อเหตุพบอุปกรณ์เสพกัญชาและกัญชาแห้งถูกยำอยู่บนเขียง มีน้ำกระท่อมมีอุปกรณ์ต้มน้ำมีมีดอยู่ภายในห้องพักของชายคนดังกล่าว ซึ่งเป็นคนมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช พักอยู่ในห้องพักมีประมาณ 3 เดือน
นายเช่งซิว เอี่ยวสิริ อายุ 82 ปี เจ้าของหอพัก เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุเวลา 13.30 น. ตนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดบริเวณหน้าหอพัก แต่ผู้ก่อเหตุที่กำลังคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่แล้ว เมื่อเห็นตนเข้าไปจึงใช้มีดที่ถือวิ่งไล่ฟันต้นออกมาจากหอพัก ตนวิ่งหนีเข้ามาที่บ้านของเพื่อนบ้านอยู่หน้าปากซอย และเข้าไปหลบในห้องกระจกภายในบ้านผู้ก่อเหตุวิ่งตามมา และทำท่าเหมือนพยายามจะพังกระจกเข้ามาทำร้ายตน เป็นเวลากว่า 10 นาที กระทั่งนายมีนถูกเจ้าของบ้านไล่ออกไป
หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้คลุ้มคลั่งใช้มีดสปาร์ต้าฟันต้นไม้บริเวณหน้าห้องพักของตนเอง และของเพื่อนร่วมหอ ตนจึงโทรศัพท์ไปบอกลูกชาย ลูกชายจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ตเข้ามาระงับเหตุ ช่วงที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุผู้ก่อเหตุยังคลั่งใช้มีดสปาร์ต้าและใช้มีดทำครัวอีกหนึ่งเล่มพร้อมบอกว่าถ้าใครเข้ามาต้นจะแทงตัวตาย ตำรวจจึงไม่กล้าเข้าไปและยืนคุมเชิงดูสถานการณ์อยู่ด้านนอก ก่อนจะมีเพื่อนสนิทของผู้ก่อเหตุมาพูดคุยจนเข้าใจ ซึ่งเพื่อนของผู้ก่อเหตุกลับมาบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ก่อเหตุได้สงบสติอารมณ์แล้วเปิดเพลงเสียงดังภายในห้องตำรวจจึงได้ถอยกำลังออกไป แต่กำลังสองนายมาเฝ้าดูเหตุการณ์ต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อยู่ในระแวกนั้นต่างตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคนร้ายก่อเหตุเอามีดไล่ฟันคนตำรวจบอกว่าเขายังไม่ได้ลงฟันยังไม่ได้ก่อเหตุร้ายแรง เกิดคำถามว่าเป็นไปได้อย่างไร และคนร้ายเคยลักขโมยสายไฟของห้องพักชั้น 4 จำนวน 8 ห้องซึ่งปิดให้บริการอยู่ในช่วงนี้ ทุกห้องถูกคนร้ายขโมยสายไฟและอุปกรณ์อลูมิเนียมโครงสร้างฝ้าเพดานไปทั้งสิ้น
ด้านหลานสาวของเจ้าของหอได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอร้องตำรวจให้จับผู้ก่อเหตุไปจากหอเพราะตอนนี้ลูกค้ากระเจิดกระเจิงหมดแล้ว บางคนไม่กล้ากลับเข้ามานอนในห้องพัก ต้องแอบไปนอนกับญาติ เพราะกลัวว่าผู้ก่อเหตุอ่านคลุ้มคลั่งใช้มีดไล่ฟันอีกก็ได้ ตำรวจไม่จับผู้ก่อเหตุเพราะเป็นเด็กนายหรือยังไง ต้องรอให้ปูหนูถูกผู้ก่อเหตุใช้มีดฟันให้ตายก่อนหรือจึงลงมือจับ
นายมิค หนึ่งที่พักอยู่ในหอพักที่เกิดเหตุ เล่าว่า ตนไม่กล้าเข้าไปนอนในห้องพักเพราะไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุจะคลั่งตอนใหน หรือจะเอามีดมาไล่ฟันตนเมื่อไหร่ ตอนนี้ทุกคนหวาดระแวงไปหมดแล้ว ไม่กล้ากลับเข้ามาพักในห้องของตัวเองกลัวจะถูกฟันไปด้วย
จากนั้นเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 ม.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมือง ภูเก็ต นำกำลังมาประมาณ 10 นาย เข้าจู่โจมห้องพักล็อกตัวชายคลุ้มคลั่งและได้ควบคุมตัวได้อย่างสงบไม่มีการขัดขืน
ตรวจสอบภายในห้องพักของพบบ้องกัญชา และพบหม้อต้มใบกระท่อมพร้อมใบในหม้อต้ม
ลุงอีกรายซึ่งพักอยู่ใกล้เคียง กล่าวว่า ขอบคุณตำรวจที่มารับตัวไปบำบัด เพราะหลายคนวิตกกังวลว่า ผู้ก่อเหตุอาจก่อเหตุซ้ำอีกก็ได้ เมื่อช่วงเช้าก่อนถูกควบคุมตัวผู้ก่อเหตุก็เดินเข้ามาในร้าน เพื่อซื้อบุหรี่และกาแฟทุกวัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าวันไหนก็จะคลุ้มคลั่งแล้วเกิดอาละวาดใช้มีดไล่ฟันอีก ซึ่งทำให้ทุกคนต้องหวาดระแวงกันตลอด
