ตำรวจภูธรภาค 8 ปราบปราม ’แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ตามหมายสยบอันดามัน ’ปฏิบัติการหักขาม้า’

ภูเก็ต - เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 65 ตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยผล “ปฏิบัติการหักขาม้า” ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 สืบสวนสอบสวนและปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมขยายผลดำเนินคดีอาญาผู้ต้องหา ทั้งกลุ่มบัญชีม้า กลุ่มบริษัท และกลุ่มผู้ขายเหรียญดิจิตอล ที่ได้กระทำความผิดในคดีที่มีความเชื่อมโยงกันจำนวนกว่า 51 ราย

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 27 กันยายน 2565, เวลา 16:22 น.

ภายใต้การอำนวยการและควบคุมการปฏิบัติของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8/ผอ.ศปอส.ภ.8, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ที่ได้สืบสวนสอบสวนและปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่กระทำความผิดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8

ประกอบด้วย สภ.พระพรหม ภ.จว.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 65 หลอกให้ลงทุน ความเสียหาย 1,419,479 บาท มีการออกหมายจับ จำนวน 20 หมาย จับกุม 4 หมาย, สภ.เมืองกระบี่ ภ.จว.กระบี่ หลอกว่าส่งพัสดุผิดกฎหมาย ผู้เสียหายโอนเงินไป 15,472,231 บาท เหตุเกิดวันที่ 4 พ.ค. 65 ออกหมายจับ จำนวน 3 หมาย จับกุม 2 หมาย อายัดตัว 1 หมาย

สภ.วิชิต ภ.จว.ภูเก็ต หลอกลงทุนซื้อขายเงินดิจิทัล เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 64 - 28 ก.พ. 65 มูลค่าความเสียหาย 1,258,630 บาท ออกหมายจับ 8 หมาย จับกุม 4 หมาย, สภ.ปากจั่น ภ.จว.ระนอง หลอกให้ลงทุน มูลค่าความเสียหาย 625,028 บาท เหตุเกิด วันที่ 6 มี.ค. 65 ออกหมายจับ 2 หมาย จับกุม 2 หมาย, สภ.หลังสวน ภ.จว.ชุมพร หลอกว่ามีคนนำเบอร์โทรศัพท์ไปใช้ผิดกฎหมายและให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 3,053,527 บาท เหตุเกิดวันที่ 9 มิ.ย. 65 ออกหมายจับ 2 หมาย จับกุม 1 หมาย

โดย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบก.สส.ภ.8, ร.ต.อ.ศุภกิจ ชูดำ รอง สว.กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.8 ร่วมกันออกทำการสืบสวนขยายผล กรณี นางจารึก ทองชล อายุ 62 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดียาเสพติด และมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน 2 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่าในแต่ละคดีมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน

จากการสืบสวนขยายผลจากบัญชีธนาคารของคนร้ายพบว่าได้มีการโอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชีม้าอื่น ๆ อีก 8 บัญชีเป็นเวลาต่อเนื่องกันภายในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาที โดยเหตุที่มีการโอนเงินต่อเนื่องกันของคนร้ายนั้นเพื่อให้เกิดการทำธุรกรรมที่สลับซับซ้อนยากในการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนติดตาม จึงได้มีการดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

เจ้าของบัญชีทั้งหมดที่มีการรับโอนเงินเป็นทอด ๆ จำนวน 8 ราย และผู้ที่จัดหาว่าจ้างในการให้ผู้อื่นเปิดบัญชี 1 ราย (จับกุมแล้ว) ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและสนับสนุนการฟอกเงิน”

กลุ่มบริษัท และเจ้าของร้านขายเหรียญดิจิทัลที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยการนำเงินที่ได้จากกลุ่มคนร้ายไปเปลี่ยนเป็นสินค้า หรือแปลงสภาพในข้อหา”ฟอกเงิน” จำนวน 2 บริษัท และ 1 ราย (จับกุมแล้วทั้ง 3 ราย)

กลุ่มบัญชีม้าอื่น ๆ ที่มีการโอนเงินเข้ามาสัมพันธ์กับบัญชีม้าแถวหลัก และมีประวัติการกระทำความผิดในลักษณะแกงค์คอลเซ็นเตอร์ในท้องที่อื่น ๆ ในข้อหา“สนับสนุนการฟอกเงิน” จำนวน 13 ราย

ขยายผลบัญชีม้าแต่ละทอดที่รับโอนเงินจากผู้เสียหายโดยตรวจสอบกลุ่มบัญชีธนาคารที่มีการรับโอนเงินจากบัญชีม้าในคดีนี้ เชื่อว่าบัญชีธนาคารดังกล่าวที่มีการรับโอนเงินจากบัญชีม้านั้นมีความสัมพันธ์กับบัญชีม้าในคดีนี้ในลักษณะการรับโอนเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ในข้อหา“สนับสนุนการฟอกเงิน” จำนวน 26 ราย

รวมผลการจับกุม ขยายผล ดำเนินคดีอาญา ผู้ต้องหาทั้งกลุ่มบัญชีม้า กลุ่มบริษัทและกลุ่มผู้ขายเหรียญดิจิตอล ซึ่งกระทำความผิดในคดีนี้จำนวน 51 ราย รวมหมายจับสยบอันดามัน 5/65 “ปฏิบัติการหักขาม้า” จำนวน 86 หมาย จับกุม 24 หมาย อายัด 6 หมาย ได้มีดำเนินการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ ดำเนินคดีทางแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเพื่อเยียวยาคืนให้แก่ผู้เสียหาย และเพื่อให้ทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากถึงผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกลวงโดยกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเป็นผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงจากการลงทุนระบบออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com หรือ สถานีตำรวจทั่วประเทศ และสามารถแจ้งข่าวเบาะแสการกระทำความผิดผ่าน สายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเบาะแส ข้อมูลได้ที่ www.pctpolice.go.th หรือ สายด่วนหมายเลข 1441 สายตรง 081-8663000 เวลาราชการ โดยทางศูนย์ PCT จะสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่