ตำรวจภูเก็ตติดตามหญิงคนขับแท็กซี่ผ่านแอป หลังแม่ชาวรัสเซียแจ้งความทิ้งลูกสาววัย 14 กลางทาง

ภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามติดตามตัวคนขับแท็กซี่บริการผ่านแอปพลิเคชั่น ที่ได้มีการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่าใช้วาจาไม่สุภาพทำร้ายจิตใจผู้โดยสารที่เป็นเด็กหญิงชาวต่างชาติอายุ 14 ปี ซึ่งนอกจากจะไม่สนใจคำขอร้องของเด็กหญิงที่ขอพาเธอกลับบ้านแล้ว แท็กซี่คันดังกล่าวยังได้หยุดรถระหว่างทาง สั่งให้เด็กหญิงลงจากรถและหาทางกลับเองข้างถนนมืด ๆ ในพื้นที่ตำบลกมลาตอนกลางคืน

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 12 ธันวาคม 2565, เวลา 19:18 น.

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 65 โดยทางฝ่ายผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นแม่ของเด็กหญิงได้บอกเล่าผ่าน The Phuket News โดยเธอระบุว่าเธอเองได้พยายามแจ้งความกับตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่กมลาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 พ.ย. แต่ศูนย์รับแจ้งเหตุตำรวจท่องเที่ยวหาดกมลาได้ปิดทำการในขณะนั้น

และหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แต่ในระหว่างนั้นเพื่อน ๆ ของเธอได้แนะนำว่า ทางเจ้าหน้าที่น่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ กับเหตุการณ์นี้ด้วยเหตุผลที่ว่า “เพราะพวกเราเป็นชาวต่างชาติ” เธอกล่าวกับ The Phuket News และนั่นก็ทำให้แม่ของเด็กหญิงซึ่งเป็นชาวรัสเซียได้เปลี่ยนใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม

ผู้แจ้งได้เดินทางไปร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันที่ 9 ธ.ค. และได้เข้าพบ พ.ต.ท.สมประสงค์ ละใบสอาด สว.(สอบสวน) สภ.กมลา ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน

พร้อมแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เวลา 18.50 น. ผู้แจ้งได้เรียกรถโดยสารสาธารณะแท็กซี่ยี่ห้อ MG รุ่น ZS สีดำ หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ จากแอปพลิเคชั่น เพื่อเดินทางไปรับลูกสาวผู้แจ้งที่โรงเรียนนานาชาติในตำบลฉลอง เดินทางกลับบ้านที่ตำบลกมลา ซึ่งรถคันที่ตอบรับบริการมีผู้ขับขี่เป็นผู้หญิง หลังจากนั้นในเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน ลูกสาวของเธอได้โทรมาบอกว่าแท็กซี่ดังกล่าว ได้จอดรถแวะรับประทานอาหารประมาณ 25 นาที จากนั้นรถแท็กซี่รถแท็กซี่ได้น้ำมันหมด ลูกสาวของเธอจึงต้องการให้แท็กซี่ขับรถไปส่งที่ร้านคาเฟ่ เพื่อต้องการที่จะชาร์จแบตโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าแท็กซี่ได้ไล่ลูกสาวเธอลงจากรถ จากนั้นเด็กสาวจึงได้โทรศัพท์หาผู้เป็นแม่ และตัวผู้แจ้งก็ได้เดินทางไปรับบุตรสาวที่บริเวณปากทางเข้าบ้านสวนใจเขียว ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้แจ้งไม่พอใจคนขับรถแท็กซี่เป็นอย่างมาก จึงอยากให้พนักงานสอบสวนเรียกแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบสวนเหตุผล และสาเหตุที่ไล่บุตรสาวตนของตนลงจากรถ

เธออธิบายเพิ่มเติมกับ The Phuket News ว่า ในวันเกิดเหตุลูกสาวของเธอกลับบ้านค่ำ เพราะต้องฝึกซ้อมกีฬายิมนาสติกหลังเลิกเรียน

แต่ในระหว่างทางคนขับได้ถามเด็กหญิงสาวว่า ขอจอดรถกินข้าวได้ไหม เด็กหญิงสาวถามว่า ต้องใช้เวลานานแค่ไหน คนขับตอบว่า “เพียง 5 นาที เด็กหญิงจึงตอบตกลง แต่เธอต้องนั่งรอในรถนานกว่า 25 นาที ซึ่งในขณะที่นั่งรอเด็กหญิงได้พยายามโทรหาคนขับผ่านแอปฯ แต่คนขับไม่รับสาย เธอเป็นกังวลจึงได้โทรหาแม่และเล่าให้แม่ฟังกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเธอยังกลับไม่ถึงบ้าน ซึ่งในขณะนั้นผู้เป็นแม่ยังไม่ได้คิดว่าพฤติกรรมของคนขับน่ากังวลแต่อย่างใด เธอรู้สึกแปลกใจในเรื่องราวแต่ก็คิดว่าลูกสาวของเธอคงแค่เหนื่อยจากโรงเรียนมาทั้งวัน กระทั่งสุดท้ายหญิงสาวต้องลงจากรถแท็กซี่ เพื่อเดินไปขอให้คนขับพาเธอกลับบ้าน

หลังจากทั้งคู่ได้ออกเดินทางต่อไปนั้น คนขับได้บอกกับเด็กหญิงอีกว่า เธอต้องหยุดรถเพื่อเติมน้ำมัน แต่เด็กหญิงขอให้คนขับพาเธอกลับบ้านทันที และก็เป็นอีกครั้งที่คนขับปฏิเสธคำขอของเธอ

แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเด็กหญิงใกล้จะหมดแล้ว เธอจึงขอให้คนขับแวะร้านกาแฟที่ขับผ่านมา เพื่อที่เธอจะได้ชาร์จโทรศัพท์และโทรหาแม่ แต่คำตอบในครั้งนี้มันมากกว่าแค่การปฏิเสธ เพราะคนขับได้กดล็อคประตูและบอกหญิงสาวว่าหากเธอไม่สามารถจ่ายค่าโดยสาร 452 บาทตอนนี้ คนขับจะไม่ไปต่อแล้ว แต่เนื่องจากเด็กหญิงมีเงินติดตัวเพียง 120 บาท คนขับจึงหันหัวรถแท็กซี่กลับและมุ่งหน้าไปทางตำบลฉลอง ซึ่งผู้เป็นแม่ได้กล่าวเสริมอีกว่า โดยปกติแล้วพ่อแม่จะเป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่เอง เมื่อรถมาส่งลูกสาวถึงบ้าน

ถึงตอนนี้คนขับเริ่มเร่งความเร็ว สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กหญิงเป็นอย่างมาก และเธอก็ได้ขอให้คนขับลดความเร็วลงหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ คนขับรถเริ่มร้องตะโกนใส่เด็กหญิงวัย 14 ปี ว่าเธอไม่สนใจว่ารถจะชนหรือมีคนตายหรือไม่ และคนขับได้พูดซ้ำ ๆ ว่าเด็กหญิงต้องได้รับบทเรียน โดยไม่ได้อธิบายว่าสิ่งที่พูดนั้นมันหมายถึงอะไร

แม่ของเด็กหญิงเล่าต่อไปอีกว่า ในขณะที่เด็กหญิงพยายามติดต่อพ่อแม่ของเธอ คนขับได้ตะโกนใส่เด็กหญิง และครั้งหนึ่งถึงกับถอดโทรศัพท์ออกจากมือของเธอ แต่เด็กหญิงก็สามารถเอาโทรศัพท์หลับคืนมาได้ และสามารถติดต่อพ่อแม่ของเธอในที่สุด พร้อมทั้งแชร์ตำแหน่งของเธอผ่านโทรศัพท์อีกด้วย ซึ่งในตอนนั้นทั้งพ่อและแม่ก็ได้ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปรับลูกสาวแล้ว

“เธอขับรถเร็วมาก ซ้ำยังทำให้ลูกสาวของเรากลัว โดยการบอกว่าเธอจะโทรหาเพื่อน ๆ ของเธอและพวกเขาจะมาสอน [บทเรียน] แก่ลูกของเรา” ผู้เป็นแม่เปิดเผยกับ The Phuket News

จากนั้นคนขับก็หยุดรถข้างถนนที่มืดมิดบนเขากะตะ และสั่งให้เด็กหญิงลงจากรถแท็กซี่ เด็กหญิงต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนจะถึงร้านนวดสปาใกล้ทางเข้ารีสอร์ทกรีนฮาร์ทการ์เด้นในกะตะ ที่ซึ่งผู้จัดการร้านยินดีให้เด็กหญิงชาร์จโทรศัพท์ และติดต่อพ่อแม่ของเธอ

“คนขับตะโกนใส่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งว่า ขอให้หลงทางและตายอยู่ตรงนี้ และตอนนั้นเองฉันรู้ได้เลยว่าลูกสาวกลัวแค่ไหน แต่ตอนนี้ฉันและสามีก็โล่งใจเพราะพวกเรารู้ตำแหน่งของลูก แล่ะรู้ว่าตอนนี้ลูกสาวของเราก็ไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว” ผู้เป็นแม่กล่าว

ในที่สุดพ่อกับแม่ของเด็กหญิงก็ได้มารับลูกและพาเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย และล่าสุดทางแอปพลิเคชั่นได้ตอบกลับข้อความของทางผู้แจ้งแล้ว รวมถึงสำเนารายงานบันทึกประจำวันของตำรวจ หลังจากที่ไม่ได้มีการตอบกลับในการร้องเรียนก่อนหน้านี้

จากรายงานล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับคนขับแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะพยายามติดตามหาคนขับรายดังกล่างต่อไป และนำตัวเธอมาสอบปากคำ เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงในเรื่องราวที่เกิดขึ้น

สำหรับหลักฐานที่ทางครอบครัวได้แนบไปกับการยื่นคำร้องในครั้งนี้ได้รวมถึง ภาพหน้าจอที่ระบุตัวตนของคนขับรถบริการ และหลักฐานค่าโดยสารที่ยังไม่ได้ทำการชำระ นอกจากนี้ เธอยังมีบันทึกข้อความเสียงจากลูกสาวของเธอ ที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวโดยมีคนขับตะโกนด้วยความโกรธอยู่เบื้องหลัง

และในท้ายที่สุดแม่ของเด็กหญิงได้บอกกับ The Phuket News ว่า เธอต้องการบอกเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผู้คนได้รับรู้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายกันที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะกับผู้เยาว์

“ฉันแค่ต้องการให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องนี้ และขอให้เก็บสำเนาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคนขับเอาไว้ด้วย” เธอกล่าว

หลังจากรับแจ้ง พ.ต.ท.สมประสงค์ ได้แนะนำให้ผู้แจ้งเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุและรับปากว่าจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยทางผู้แจ้งได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เธอขอแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยความสุภาพ และเธอมั่นใจว่าการร้องเรียนของเธอในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่