โดยระบุว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ทาง ตม.จว.ภูเก็ต มีความห่วงใย และได้ประสานกับสายการบินที่ให้บริการ โดยได้รับการยืนยันข้อมูลเบื้องต้นว่า ยังคงให้บริการตามปกติ
หากนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ มีปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับการอยู่ต่อในราชอาณาจักร สามารถติดต่อ ตม.จว.ภูเก็ต ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 076 221905
โดยนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่มีความประสงค์ขออยู่ต่อในราชอาณาจักร สามารถติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ ตามรายละเอียดดังนี้
1. ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่เดินทางเข้ามาด้วย วีซ่า ผ.30 (30 วัน) หรือ วีซ่าท่องเที่ยว (60 วัน) สามารถยื่นขออยู่ต่อฯ ได้เพียงครั้งเดียวไม่เกิน 30 วัน โดยใช้เอกสารดังนี้
- แบบฟอร์ม ตม.7 พร้อมรูปถ่าย (4x6 ซม.)
- สำเนาหนังสือเดินทาง (หน้าข้อมูลบุคคล, ตราขาเข้า, วีซ่า)
- หลักฐานการแจ้งที่พัก (ตม.30)
- ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท (เงินสด)
2. นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่ได้ดำเนินการตามข้อ 1 แล้ว และยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ สามารถยื่นขออยู่ต่อฯ ด้วยเหตุผลกรณีมีเหตุจำเป็นโดยมีสถานทูตหรือสถานกงสุล ให้การรับรองและร้องขอ อนุญาตครั้งละไม่เกิน 30 วัน โดยใช้เอกสารดังนี้
- แบบฟอร์ม ตม.7 พร้อมรูปถ่าย (4x6 ซม.)
- แบบฟอร์ม สตม.2
- แบบฟอร์มหนังสือรับทราบแนวทางปฏิบัติการห้ามเข้าในราชอาณาจักรกรณีคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดเป็นระยะเวลานาน
- หนังสือรับรองหรือร้องขอจากสถานทูตหรือสถานกงสุล (ฉบับจริง)
- สำเนาหนังสือเดินทาง (หน้าข้อมูลบุคคล, ตราขาเข้า, วีซ่า)
- หลักฐานการแจ้งที่พัก (ตม.30)
- ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท (เงินสด)