นายแพทย์ทวีศักดิ์ กล่าวว่า “เบิร์ดป่วยด้วยภาวะเลือดออกในสมอง รักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 2 เดือน อาการดีขึ้นจนกลับบ้านได้แล้ว เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 67 เกิดมีภาวะแทรกซ้อน เลือดออกตามไรฟัน ลิ้น ตามผิวหนัง ตรวจเลือดพบว่า มีเกล็ดเลือดต่ำมาก (12,000 ปกติ 150,000 - 450,000)”
“เมื่อคืนเข้า ไอ.ซี.ยู ตรวจพบว่าเกล็ดเลือดลดลงเหลือ 7,000 วันนี้ (23 ต.ค.) เกล็ดเลือดลดลงเหลือ 2,000” นายแพทย์ทวีศักดิ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก (23 ต.ค.) โดยขอให้ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปบี หรือ กรุ๊ปโอ สามารถเข้าบริจาคได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต สภากาชาดไทย และระบุชื่อผู้รับบริจาค “นายธนวัฒน์ เนตรวงศ์” โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
ล่าสุดวันนี้ (24 ต.ค.) คุณหมอได้โพสต์ Reels ระบุว่า “วันนี้น้องเบิร์ดอาการดีขึ้น ไม่มีผื่น ไม่มีจุดเลือดออกใหม่ ไม่มีไข้ ความรู้สึกตัวดี และรับรู้ทุกอย่างได้...” พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาค ซึ่งเมื่อวานนี้มีคนมากกว่าร้อยคนเดินทางไปบริจาคเกล็ดเลือดให้ลูกชายของตน
“กราบขอบพระคุณผู้สละเลือดทุกท่าน ที่ได้บริจาคช่วยชีวิตลูกเบิร์ดในครั้งนี้ ขอบพระคุณคุณหมอพยาบาลที่ดูแลรักษาอย่างดี” นพ.ทวีศักดิ์ กล่าว
“เมื่อคืนได้ยา IVIg (Intravenous Immunoglobulin (IVIg) 16 ขวด ได้รับเกล็ดเลือด 2 ถุงแล้วครับ เมื่อเช้าเกล็ดเลือดมากขึ้นเป็นสองหมื่น (เลือดสี่คนได้เกล็ดเลือดหนึ่งถุง)” นายแพทย์ทวีศักดิ์ เปิดเผยกับ ข่าวภูเก็ต
นายแพทย์ทวีศักดิ์กล่าวอีกว่า แม้เมื่อวานมีคนมาบริจาคเลือดให้น้องเบิร์ดนับร้อยกว่าคน แต่หากผู้ต้องการบริจาคอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตนก็อยากเชิญชวนให้มาร่วมบริจาคกัน โดยสามารถระบุชื่อผู้รับหรือไม่ระบุก็ได้
“ตอนนี้เกล็ดเลือดน้องค่อนข้างดีขึ้นแล้ว ของน้องยังไม่รีบด่วน และอยากจะแบ่งปันให้กับคนอื่น ๆ ด้วย เพราะมีคนจำเป็นต้องใช้อีกหลายชีวิต ตอนนี้ทั้งเลือดและเกล็ดเลือดขาดแคลนทั่วทุกที่ทั่วประเทศครับ”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศในโรงพยาบาลรัฐอีกครั้ง หลังจากที่ได้ลาออกจากราชการมาสิบกว่าปี นพ.ทวีศักดิ์ ก็ได้เสนอแนะผ่านช่องทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า อยากให้มีการปฏิรูปโรงพยาบาลรัฐให้ดีกว่านี้ เพื่อช่วยกันพัฒนาระบบบริการสุขภาพไทย
“หลังจากลาออกจากราชการมาสิบกว่าปี ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยเรายังต้องอยู่แบบนี้ อบอ้าว แออัด ยัดเยียดเต็มที่ นายกรัฐมนตรีก็คงไม่รู้ รัฐมนตรีก็คงไม่เข้าใจ ปลัดกระทรวง สธ. ก็คงไม่คิดแก้ไข ผอ.โรงพยาบาลก็คงทำจนเหนื่อยใจ พยาบาลก็คงทำอะไรไม่ได้ ญาติก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร คนไข้ก็ยอมรับสภาพถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเห็นกันมานานจนชินชา” พร้อมยกตัวอย่างของโรงพยาบาลที่ออกแบบมาสำหรับคนไข้ 32 เตียง แต่อยู่จริงกลับมากกว่า 60 เตียง เป็นต้น
“เรื่องใหญ่แบบนี้รัฐบาลต้องใส่ใจดูแลแก้ไขในระดับนโยบาย ทางออกที่แนะนำได้ คือ ‘ปฏิรูปโรงพยาบาล’ และ ‘ปฏิรูปทั้งโครงสร้างระบบสาธารณสุข’” คุณหมอทวีศักดิ์ กล่าว
