อเล็กซานโดรส หรืออเล็กซ์ อเล็กเซียดิส เปิดเผยกับ The Phuket News ว่า เขาเองทราบว่าเงินของเขาหายไปเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา อย่างไรตาม สำหรับความคืบหน้านั้นยังไม่มีการรายงานเพิ่มเติม
อเล็กซ์ เดินทางจากกรีซมาถึงภูเก็ตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2564 พร้อมกับ เลเซีย ภรรยาของเขา และลูก ๆ อีก 3 คน คือ อิลเลีย ลูกชายวัย 14 ปี ลิซ่า ลูกสาววัย 11 ปี และวาซิลิกิ ลูกสาวคนสุดท้อง ภายใต้โครงการ Test & Go และเช็คอินเข้าพักที่คอนโดกะตะ โอเชียนวิว เรสซิเดนซ์ โดยทางครอบครัวมีกำหนดจะบินกลับบ้านในวันที่ 25 ก.พ.
อเล็กซ์ เล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กะรน เข้ามาสอบถามเขา 2 ครั้ง แต่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และแม้ว่าจะมีคนในคอนโดช่วยแปลภาษาแต่การสื่อสารก็ยังมีข้อจำกัด เขาจึงตัดสินใจโทรหาสถานทูตที่กรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะติดต่อตำรวจในวันรุ่งขึ้น
อเล็กซ์ได้นำเงินออกจากห้องมาไว้ในรถ เพราะมีคนเข้าไปทำความสะอาดในห้อง และทางพนักงานโครงการแจ้งว่าตู้เซฟในที่พักนั้นใช้การไม่ได้ (ไม่สามารถเปิดตู้เซฟได้) และเขาไม่ทราบเลยว่าเขาสามารถนำเงินไปเก็บไว้ในตู้เซฟของสำนักงานได้ด้วย
“สิ่งที่กวนใจผมมากที่สุดคือที่จอดรถ [หน้าตึกคอนโด] มีกล้องวงจรปิด กล้องสามารถมองเห็นทางเข้าได้ แต่รถจอดอยู่ในจุดที่กล้องส่องไปไม่ถึง” เขากล่าว และเขาตั้งข้อสังเกตว่า จนถึงตอนนี้เขาไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานคอนโด ให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่จอดรถ ทำให้ความกังวลใจของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ความกระตือรือร้นในการให้ความช่วยเหลือเขากลับลดน้อยลง
“พวกเขาบอกให้ผมยอมรับความจริงที่ว่า เงินถูกขโมยไปแล้วและให้ผมทำใจ” อเล็กซ์ กล่าว
อเล็กซ์ไม่แน่ใจว่าขโมยเข้ามาในรถได้อย่างไร “ผมพบว่าประตูด้านคนขับเปิดอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะลืมล็อกรถ แต่จริง ๆ แล้วผมได้รู้ว่ารถจะล็อกอัตโนมัติถ้าไม่มีการขับเคลื่อน” อเล็กซ์ อธิบาย
ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตรับทราบสถานการณ์ของครอบครัวอเล็กซ์แล้ว ว่าพวกเขาถูกขโมยเงินไป ทำให้ครอบครัวเหลือเพียงบัตรเครดิตของอเล็กซ์เท่านั้น
สำหรับจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปทั้งหมด 4,900 ยูโร ประกอบด้วย ธนบัตร 100 ยูโร 47 ฉบับ และธนบัตร 200 ยูโรอีก 1 ฉบับ
“หากนำเงินทั้งหมดมาคืน ผมจะให้รางวัลจำนวน 1,000 ยูโร หรือหากคืนบางส่วนก็สามารถเก็บเงินไว้ได้ 20%” อเล็กซ์ กล่าว
สามารถติดต่อ อเล็กซ์ ได้ที่เบอร์โทร 0908910802 หรือทาง WhatsApp หรือ Viber ที่ +306974888915 นอกจากนี้เขายังได้มีการติดประกาศรางวัลเป็นภาษาไทยที่ท้ายรถยนต์ด้วย
อเล็กซ์เดินทางกลับมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ภูเก็ตหลายต่อหลายครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และการโจรกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับช็อก
“ผมมาเที่ยวประเทศไทยทุกปี ปีละสองถึงสามเดือนนับตั้งแต่ปี 2552 ผมไม่เคยกังวลใจในเรื่องขโมยเลย และเกือบทุกคนที่ผมรู้จักก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันต่อประเทศไทย” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์กล่าวเสริมว่า เขาเข้าใจดีถึงแรงกดดันทางการเงินที่ผู้คนในท้องถิ่นได้รับตลอดช่วงวิกฤตโควิด “ผลกระทบจากโควิดและรายได้การท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้คุณภาพชีวิตบนเกาะลดลงและผู้คนหมดหวัง โดยคนร้ายเก็บไปแม้กระทั้งเหรียญที่ผมวางไว้ข้างคันเกียร์” เขากล่าว