ดร.วสุเชษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยกล่าวถึงกรณีที่ดาราสาวใต้หวันโพสต์ ดาราชาวไต้หวันเที่ยวไทย (อ้างว่า) ถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงิน ว่า สำหรับในกรณีที่เป็นข่าวในช่วงนี้อาจจะเป็นภาพที่ดูไม่ดีไปบ้างสำหรับการท่องเที่ยวไทยนิดนึงแต่เป็นแค่เคสเล็กๆแต่ยังอยากให้พวกเราช่วย ๆ กันให้สร้างความเชื่อมั่น ในประเทศไทยเพราะคิดว่าประเทศไทยยังมีอะไรดี ๆ อีกเยอะ อาจจะมีบ้างทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ ในเคสที่เกิดขึ้นอาจจะมีบางอย่างบางสิ่ง บ้างทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันแก้ปัญหาตรงนี้อยู่ ซึ่งคิดว่าคงจะสามารถทำได้เป็นประเด็นตรงนี้ขึ้นมาเราจะช่วยกัน ช่วย ๆ กันแก้ช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวบ้านเรา ได้อย่างมีความสุขกับระบบความปลอดภัยในอนาคตต่อไป
เรื่องของการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับรถทัวร์เมืองไทยสิ่งนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ในการตั้งด่านแล้วก็ยอมรับว่ามีเรื่องของความปลอดภัยบ้างของ PM 2.5 บ้าง ซึ่งในทางสมาคมรถเองก็ประสานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพอสมควรแล้วมีการตรวจนอกและมีสัญลักษณ์ให้เห็นว่า คันนี้มีการผ่านการตรวจของ มาตรการ PM 2.5 แล้วก็มีเรื่องของความปลอดภัยของรถต่างๆเอกสารต่างๆบ้างในอดีตที่ผ่านมาก็มีการสับสน แต่ในปัจจุบันตอนนี้มีการแก้ไข และมีการประสานงานกับทางภาครัฐ ซึ่งคิดว่าภาพที่ออกมาหลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่ดีขึ้นในการตรวจ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยบนถนน และอย่างน้อยก็ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ส่วนในประเด็นบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะอำนวยความสะดวก จากทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐซึ่งเราก็ได้ขอความร่วมมือ ไปทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเราจะดำเนินงานเรื่องนี้ ต่อเนื่องกันด้วยกันและแก้ปัญหาไปเพื่อให้เกิดความสบายใจกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ว่ารถที่เกิดขึ้นรถที่วิ่งให้บริการตรงนี้ ปลอดภัยไม่ใช่ว่ามาปุ๊บเดี๋ยวตรวจเดี๋ยวตรวจนักท่องเที่ยวที่นั่งบนรถก็คิดว่ารถคันนี้มีปัญหาอะไรหรอ ซึ่งทำให้เขาไม่ได้รับความสะดวกสบาย หรือไม่มี ความปลอดภัย ตรงนี้คิดว่าต้องร่วมกันแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ให้เกิดประเด็นขึ้นในอนาคต
ในกรณีที่เกี่ยวกับรถที่นำขบวนที่มีฮือฮาในโซเชียลทางภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันเต็มที่ ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะมีทั้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในส่วนที่ดีและมีที่อยู่นอกรีดบ้างเราก็พยายามแก้ไขและสร้างภาพให้มันเกิดขึ้นทางภาครัฐ ได้รับเรื่องให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสมแล้วก็จะสร้างภาพความมั่นใจตรงนี้กลับขึ้นมา ตอนนี้ที่มาแล้วที่จะมาใช้อภิสิทธิ์ต่าง ๆ ตรงนี้ ในระเบียบจริง ๆ ของประเทศไทยไม่มีอยู่แล้ว อาจจะมีสิ่งที่ผิดไปบ้างเราก็จะแก้ไขการจะร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนในกรณีที่มาเป็นหมู่คณะหรือเป็นอะไรที่ขออำนวยความสะดวกก็สามารถทำเรื่องมาตามระบบได้ทางภาครัฐก็จะ พิจารณาเป็นเคส ๆ ไปว่าอะไรที่มีความจำเป็นอะไรที่จะอำนวยความสะดวกก็จะจัดการให้ ในส่วนภาคเอกชนของเราเราก็สามารถที่จะร้องขอพูดคุยกับทางภาครัฐ อันนี้เป็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้นมาแล้วใช้วิกฤตที่เกิดขึ้น ตรงนี้ให้เป็นโอกาสในการแก้ไขปรับปรุงในสิ่งไม่ดีที่เคยเกิดขึ้นให้เป็นสิ่งสวยงามในประเทศไทยต่อไป
