หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.เอกรัตน์ พลายด้วง รอง ผกก.ป .สภ.ป่าตอง จนท.ตร. สภ.ป่าตอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และเจ้าหน้าเทศกิจเทศบาลเมืองป่าตองรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบรถบัสรับส่ง นทท.รถตู้ รถเก๋ง รถบรรทุก 6 ล้อ และรถจยย. ได้รับความเสียหายรวม 12 คัน
ประกอบด้วย 1.รถบัสสีขาวเป็นรถบัสวิ่งรับส่ง นทท.ของบริษัท เอ็มเคอาร์ทรานสปอร์ต ป้ายกทม. 2.รถกระบะ ดีแม็กซ์สีส้ม ทะเบียนภูเก็ต 3.รถตู้สีขาว ทะเบียนภูเก็ต 4.รถตู้สีขาว ป้ายเหลืองตรัง 5.รถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส สีบรอนด์ ทะเบียนกทม. 6.รถตู้สีขาว ทะเบียนภูเก็ต 7.รถยนต์เก๋งวอลโว่ สีขาว ป้ายภูเก็ต 8.รถยนต์เก๋งโตโยต้ายาริส สีเทาป้ายภูเก็ต 9.รถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนชัยภูมิ 10.รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า MSX สีเขียวป้ายภูเก็ต 11.จยย.ฮอนด้า 110 เวฟ สีดำ ป้ายภูเก็ต และ 12. รถจยย.ฮอนด้า PCX สีขาวป้ายภูเก็ต
ตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บมี 3 ราย คือคนขับรถตู้ 1 ราย และคนขับรถจยย. 2 ราย ทราบชื่อคนขับรถตู้คือนายกิตติชัย แซ่รี อายุ 44 ปี ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ส่วนคนขับจักรยานยนต์คือนายเอกภพ พิทักษ์กาญจน์ อายุ 26 ปี และ นายวชิระ รักดำ อายุ 33 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงเร่งลำเลียงส่งผู้บาดเจ็บไปยังรพ.ป่าตอง ก่อนส่งต่อไปยังรพ.วชิระภูเก็ตในภายหลัง
นายพันธฤทธิ์ แก้วประวัติ อายุ 27 ปี คนขับรถบัส ให้การว่าขณะที่กำลังขับรถลงจากเขาก่อนถึงโค้งหน้าสุวรรณคีรีวงก์ รถคันหน้าที่วิ่งมาก่อนได้เบรก ตนเองก็เบรกกะทันหันและเสียหลัก ด้วยความตกใจจึงหักพวงมาลัยเลี้ยวไปประสานงาชนกับรถคันอื่น ๆ ที่สวนทางมาจึงได้เกิดเหตุดังกล่าว ในเบื้องต้นได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด และดำเนินการกับคนขับรถบัสตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 19.50 น. งานรจราจร สภ.ป่าตอง ประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางถนนพระบารมี ว่าเจ้าหน้าที่ได้คลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดเหตุรถบัสเบรกแตก หน้าวัดสุวรรณฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเปิดการจราจรปกติ
ในเรื่องนี้ นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งการก่อสร้างอุโมงค์ป่าตองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เมื่อต้นเดือน มี.ค. ปีที่ผ่านมา เพราะความสูญเสียทั้งทางชีวิตและทรัพย์สินรอไม่ได้ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
“รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับการเห็นชอบแล้วจากทางคณะกรรมการ ขั้นตอนต่อไปคือรัฐบาลเห็นชอบอนุมัติโครงการและจ่ายเงินเวรคืนให้กับผู้ถูกเวนคืน พร้อมทั้งรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ (รายงาน PPP) กับเอกชนซึ่งอาจจะเป็นไทยหรือต่างชาติก็ได้ ถ้าการลงทุนไม่คุ้มทุนใน 30 ปีก็ขยายเวลาเป็น 40 ปีให้กับผู้ลงทุน หรือจะเป็นเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เหมาะสม ” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต
ทั้งนี้ สำหรับอุบัติเหตุบนเขาป่าตองรวมกับเหตุการณ์ล่าสุดนี้ เกิดอุบัติเหตุถึง 3 ครั้งในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง และทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุรถใหญ่ก็ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับเมื่อวันอังคาร(22 ม.ค.)ที่ผ่านมา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดถนน เพื่อย้ายรถ 6 ล้อออกไป และคือพื้นผิวจราจรให้ประชาชน (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็พบว่ามีรถบัสเบียดกับรถกระบะ ทำให้การจราจรติดขัดเช่นกัน กระทั่งล่าสุดที่มีเหตุรถบัสเอ็มเคอาร์ทรานสปอร์ต ชนดะเพื่อนร่วมถนนร่วม 10 คัน รวมถึงรถ 6 ล้อจากอุบัติเหตุ 1 วันก่อนหน้า (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
นางสาวเฉลิมลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากอุโมงค์แล้วยังมีแนวทางอื่นที่จะแก้ปัญหาอุบัติเหตุซ้ำซากนี้ได้ และใช้เงินน้อยกว่าดารก่อสร้างอุโมงค์ เช่น ทางคู่ขนาน
"ถ้าเอาชีวิตคนมาเป็นตัวตั้ง ไม่ว่างบประมาณที่จ่ายไปจะมากมายเท่าไร หากสามารถรักษาชีวิตผู้คนเอาไว้ได้ เท่าไรก็คุ้ม" นางสาวเฉลิมลักษณ์ กล่าว
