เพื่อรับฟังความก้าวหน้า รับทราบปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ และให้คำปรึกษาแนะนำการปฏิบัติงาน โดยมี ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ Phuket Sandbox (ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191) ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มอบหมายให้ลงพื้นที่เพื่อติดตามข้อสั่งการของผบ.ตร.ที่ได้สั่งการไว้ในคราวที่ลงมาทำคดีล่าสุด สิ่งที่เน้นย้ำคือมาตรฐานความปลอดภัยทุกส่วน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เน้นย้ำบุคคลที่มีหมายจับเข้าภูเก็ตไม่ได้ โดยผบ.ตร.ให้นำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติที่ด่านท่าฉัตรไชย ท่าอากาศยานภูเก็ต ทั้งขาเข้า-ขาออกภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งท่าเรือหลัก 9 ท่า ส่วนอีก 26 ท่า เป็นท่าเรือที่ไม่อนุญาตให้คนเข้าออก การติดตั้งกล้องวงจรปิด มีเจ้าหน้าที่ดูแลทุกห้วงเวลาเพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวทางจังหวัดภูเก็ตได้กำหนดให้มีสถานที่ท่องเที่ยว 3 ลักษณะ คือ 1. พื้นที่มีความเสี่ยงสูง 2. พื้นที่เสี่ยงปานกลาง และ 3. พื้นที่ธรรมดา ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ได้สั่งการให้จัดทำแบบฟอร์มในการเช็คลิสต์ทุกพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดแล้ว
“จึงได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวบูรณาการตำรวจภูธรจังหวัดประสานให้ สถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ตทุกแห่งต้องมีเจ้าภาพ ไม่ว่าสถานที่นั้นจะเข้าไปลึกเพียงใดต้องมีเจ้าภาพ ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวต้องการเข้าไปท่องเที่ยว ในสถานที่มีประสบการณ์แปลกใหม่ เร้นลับ ลึกมาก ในสถานที่เช่นนั้นกำลังตำรวจอาจเข้าไปดูแลไม่ถึง ต้องบูรณาการกับท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน เป็นต้น ต้องมาช่วยกันดูแล เชื่อมโยงใกล้ชิดกัน และให้ทำการเอ็กซเรย์บุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด บุคคลต้องโทษที่พ้นโทษมาแล้ว ที่กลับบ้านต่าง ๆ เมื่อกลับมาบ้านแล้วยังไปก่อคดีอีกหรือไม่ เน้นมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้นทั้งหมด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอย่างล้นหลามในห้วงไตรมาสที่ 4 นี้” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
