เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ประสบภัยจำนวน 37 รายเป็นคนไทย 4 ราย, รัสเซีย 21 ราย คาซัคสถาน 9 รายฮ่องกง 1 รายจีน 1 ราย และยูเครน 1 ราย โดยเป็นผู้ป่วยแบ่งเป็นระดับสีขาว 2 ราย (คาซัคสถาน1 ราย ไทย 1 ราย) สีเขียว 13 ราย สีเหลือง 16 ราย และสีแดง 6 ราย (เป็นคนไทย 2 ราย และรัสเซีย) ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 10 ราย โรงพยาบาลฉลอง 9 ราย โรงพยาบาลดีบุก 2 รายโรงพยาบาลสิริโรจน์ 5 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพ 2 ราย โรงพยาบาลมิชชั่น 5 ราย และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 2 ราย
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ (22 พ.ค.66) พ.ต.ท.คะแนน สมรักษ์ สว.(สอบสวน) สภ.ฉลอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณา 2 ประเด็น คือ สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุเกิดจากเครื่องยนต์กลไกหรือความผิดพลาดบกพร่องของ นายสาธิต มาศชาย ผู้ควบคุมเรือ, มีใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่าหรือไม่
พ.ต.ท.คะแนน กล่าวอีกว่า การสรุปของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพบว่า ปัญหาเกิดจากตัวผู้ควบคุมเรือ และผลของการตรวจแอลกอฮอล์ในตัวของนายสาธิตนั้น ไม่พบแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่พบสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท เป็นสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน ซึ่งในขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ก่อนส่งสำนวนคดีให้อัยการส่งฟ้องศาลต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้เปิดเผยความคืบหน้า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยวชนตอหม้อเสาสัญญาณไฟกลางทะเล เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาผู้ขับขี่เรือตามมาตรา 300 และ 390 ในข้อหากระทำการด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท