ผู้การภูเก็ตแถลงข่าวจับกุมกลุ่มผู้ร้ายต่างชาติ คดีปล้นทรัพย์เหรียญคริปโต 2.5 แสนUSDT

ภูเก็ต - เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (11 พ.ย.67) ที่กองบังคับการสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา ได้มีการแถลงข่าว การจับกุมผู้ต้องหาแก๊งโจรต่างชาติจำนวน 4 คน ก่อเหตุลวงนักท่องเที่ยวชาวยูเครนไปปล้นทรัพย์ได้เงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.56 ล้านบาทไทย

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 11 พฤศจิกายน 2567, เวลา 17:20 น.

พล.ต.ต. สินเลิศ กล่าวว่า มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่กมลา ตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 8 และเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นคดีน่าสนใจ อาจจะกระทบกระเทือนต่อการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และได้สั่งการมาให้บูรณาการกำลังระหว่างตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและกรมการสืบสวนภาค 8 ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำการค้นหาคนร้ายกลุ่มนี้ให้ได้ ซึ่งต่อมาเราได้สืบทราบว่าคนหลายกลุ่มนี้มีทั้งหมด 4 คน เป็นชาวอาร์เมเนีย 1 คนชาวยูเครน 2 คนชาวรัสเซีย 1 คน เราได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานและได้ไปขอศาลเพื่อออกหมายจับทั้ง 4 คน ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายทั้ง 4 หลบหนีไปอยู่ที่พื้นที่จังหวัดพังงาเราได้ติดตามไปจนรู้ว่าคนร้ายอยู่ไหนเรา จึงได้ทำการจับกุมในเวลาประมาณ 01.00 น. และทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 โดยแจ้งความในเรื่องของการปล้นทรัพย์และมีอาวุธและหน่วงเหนี่ยวจากขังทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และผู้อื่นได้กระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย 1. นายอามาน กริกออไรอัน สัญชาติ อาร์เมเนียอายุ 21 ปี 2. นายอัลเฟรด เชอร์นิชัก สัญชาติ ยูเครน อายุ 18 ปี 3. นายรุสลัน มูซาอีฟ สัญชาติ ยูเครน อายุ 22 ปี และนายมราซ แอนทรอย สัญชาติ รัสเซีย 23 ปี

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า หนึ่งในผู้ต้องหารู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนและเคยทำธุรกิจเรื่องของคลิปโตมาด้วยกัน และในวันเกิดเหตุได้ชักชวนผู้เสียหายมาที่ห้อง หลังจากเข้ามาที่ห้องก็ได้มีคนร้ายสองคนรออยู่ และได้มีการพันธนาการและข่มขู่ผู้เสียหายได้โอนเงิน 250,000 USDT ให้กับกลุ่มคนร้าย สำหรับสาเหตุในเบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า เกิดจากในเรื่องของการเคยคุยและการข่มขู่มาก่อน ระหว่างผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุเลยหลอกล่อให้มาที่เกิดเหตุดังกล่าว

“เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับในเรื่องของการทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขัง ส่วนเรื่องของการโอนเงินคริปโตอยู่ในขั้นตอนที่เขาปฏิเสธอยู่ แต่เราพยายามรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ จริง ๆ น่าจะมีการแบ่งหน้าที่กันตั้งแต่แรกว่าใครทำหน้าที่อะไรบ้างตั้งแต่การชักชวนเปิดห้องรอไว้และมีต้นทางดูและก่อนเกิดเหตุสองวันมีการไปซื้อของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการพันธนาการและการข่มขู่” พล.ต.ต. สินเลิศ กล่าว

“กลุ่มนี้จากการสอบถามกับ ตม.มีการเข้าออกกันบ่อย หนึ่งในผู้ต้องหาออกไปที่ประเทศมาเลเซีย 1 วันแล้วก็กลับเข้ามา เงินที่ได้มามีการโอนไปเมืองนอกบางส่วน ยอดที่เหลือตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ พวกเขาเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวเพราะใช้วีซ่าการท่องเที่ยวทั้งหมด เราได้ประสานทางกงสุลแล้วว่าเขามีการกระทำผิดอะไรบ้างวีซ่าที่ใช้ที่เป็นชาวอาร์มาเนียใช้วีซ่า 15 วันอีก 3 คนใช้วีซ่า 90 วันซึ่งไม่มีใคร Overstay”

“ทั้งหมดนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ตามมาตรา 38 ที่ให้ไว้กับ ตม.คือพักตามโรงแรมต่าง ๆ ไม่ได้อยู่เป็นบ้านที่อยู่อาศัย ตอนนี้ยังไม่ได้เงินคืน ผู้เสียหายตอนแรกรู้สึกหวาดกลัวบ้างแต่ตอนนี้คงไม่กังวลอะไร เพราะเป็นคนรู้จักด้วย และกลุ่มคนประเทศเดียวกันกังวลที่บ้านเขาว่าอาจจะมีการข่มขู่อะไร แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรยังให้การในรายละเอียดอย่างดี” พล.ต.ต.สินเลิศ อธิบายเพิ่มเติม

“ขอให้เชื่อถือในความปลอดภัย นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อเหตุขอให้คิดว่าทุกคดีที่ก่อเหตุ ไม่ว่าคดีปล้นทรัพย์คดีแรกที่เราจับที่เมืองเมื่อต้นปี พอก่อเหตุแล้วก็สามารถจับได้ทันที และคดีนี้เหมือนกันเราได้วางแผนกัน เบื้องต้นหลังเกิดเหตุเราสามารถทำงานและสืบอย่างรวดเร็ว จนสามารถจับคนร้ายได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง ซึ่งอยากประชาสัมพันธ์ไปกับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป และขอให้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข อย่ามาก่อเหตุก่อคดีในประเทศไทยในจังหวัดภูเก็ต” พล.ต.ต.สินเลิศ เน้นย้ำ




 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่